สายทอง
สายทองเป็นพี่เลี้ยงของนางพิม มีศักดิ์เป็นญาติแต่อยู่ในฐานะบ่าวของนางพิม เพราะครอบครัวนางพิมไปไถ่ตัวมาได้ บทบาทที่สำคัญของนางสายทองในตอนพลายแก้วเป็นชู้กับนางพิมคือเป็นแม่สื่อให้พลายแก้วและนางพิม
แม่สื่อแม่ชัก
โดยปกติแล้ว พี่เลี้ยงของนางเอกในวรรณคดีก็ค่อนข้างมีบทบาทในการเป็นแม่สื่อให้พระเอกนางเอกมาพบกัน เช่น นางรื่น นางโรย ในเรื่องลิลิตพระลอ สายทองเองก็เป็นพี่เลี้ยงที่เป็นแม่สื่อให้พลายแก้วกับนางพิม
สายทองได้อะไรจากการเป็นแม่สื่อในครั้งนี้? เรามักจะนึกกันไปว่าแม่สื่อจะได้รับสินจ้างเป็นเงินหรือของกำนัลอะไรต่างๆนานา แต่สายทองกลับได้รับเพียงคำสัญญาจากพลายแก้วว่า
ถ้าหม่อมพี่มีคุณแก่ฉันเล่า |
เห็นจะเปล่าเจียวหรือน้องมาอยู่บ้าน |
คงจะแทนคุณพี่มิได้นาน |
ให้สมานเสมอพิมผู้นิ่มนวล |
เงินทองของกินสิ้นทั้งนั้น |
จะแบ่งปันคนละครึ่งพอกึ่งส่วน |
ปรานีน้องสายทองช่วยชักชวน |
พอได้พิมจะประมวลสินบนมา |
สายทองยอมช่วยพลายแก้วโดยแลกกับวาจาของพลายแก้วที่ว่าจะเลี้ยงดูตนให้เสมอนางพิม สะท้อนให้เห็นถึงความต้องการของสายทอง ในฐานะสาวแก่ ว่ามีความพึงใจในตัวพลายแก้วเช่นกัน แม้จะรู้ตัวว่าถึงจะต้องไปเป็นรองนางพิมก็ตาม สายทองได้พยายามทำหน้าที่แม่สื่ออย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นการพูดจาเกลี้ยกล่อม โน้มน้าว ชักจูง ให้นางพิมอยากมีคู่ และให้พิจารณาพลายแก้ว ซึ่งหน้าที่นี้ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของสายทองในการพูดได้เป็นอย่างดี
สายทองชวนน้องให้ชมจันทร์ |
ผิวพรรณไพโรจน์โชติช่วง |
ผ่องแสงแจ้งงามดังเงินยวง |
ไยจึงหวงกระต่ายไว้ในวงจันทร์ |
ร้อยปีก็มิได้คิดจะไปไหน |
เหตุใดขังขึงอยู่รึงมั่น |
แต่เห็นมาไม่รู้กี่พันวัน |
ดูเดือนก็ยิ่งพรั่นอยู่ในใจ |
เหมือนหนึ่งเราพี่น้องทั้งสองคน |
จนเหมือนกระต่ายในจันทร์ไม่ไปได้ |
ไร้คู่อยู่กับฟ้าสุราลัย |
กระต่ายไพรพร่ำแลทุกเวลา |
พี่รักเจ้าฟักฟูมอุ้มประคอง |
จนพิมน้องเจริญวัยขึ้นใหญ่กล้า |
ทั้งเป็นญาติเป็นทาสท่านช่วยมา |
กลัวอาญากลัวอายเสียดายตัว |
อนิจจาเกิดมาเสียทั้งชาติ |
เป็นอันขาดแล้วไม่รู้ว่าลูกผัว |
ดังแหวนทองผ่องศรีไม่มีมัว |
จนแต่หัวพลอยประดับประดาดี |
พี่รักเจ้าจึงเฝ้าลำบากนัก |
แม้นมิรักก็จะเตร่เที่ยวเร่หนี |
ถึงจับมาฆ่าเสียก็ตามที |
มิตายก็คงจะรอยตลอดไป |
ทั้งนี้พี่ยากก็เพราะเจ้า |
ด้วยยังหามีเหย้ามีเรือนไม่ |
พี่จึงต้องรักษาเป็นตาใจ |
คุณผู้ใหญ่ก็ชราลงทุกวัน |
เหมือนดังไม้ใกล้ฝั่งจะพังล้ม |
พี่ปรารมภ์ร้อนใจให้พรั่นพรั่น |
ถ้าสิ้นบุญคุณแม่ศรีประจัน |
สารพันจะกระจัดกระจายไป |
ชายหนุ่มก็จะกลุ้มกันดูถูก |
ด้วยว่าลูกนั้นหาพ่อหาแม่ไม่ |
พี่คิดพร่ำค่ำเช้าให้เข้าใจ |
หรือกระไรแม่คิดดูแต่ดี |
ถ้าได้คู่สู่สมเมื่อแม่ยัง |
เห็นมั่งคั่งสืบสายเป็นเศรษฐี |
อายุคนนี้จะนานสักกี่ปี |
พี่ว่านี้แม่จะเห็นประการใด |
ซื่อสัตย์?
ในตอนพลายแก้วเป็นชู้กับนางพิมนั้น สายทองทำตนเหมือนเป็นนกสองหัว บ่าวสองนาย สายทองมีสองหน้าที่ คือ หนึ่ง เป็นพี่เลี้ยงของนางพิม กับสอง เป็นแม่สื่อให้พลายแก้ว การเป็นพี่เลี้ยงให้นางพิมย่อมรวมไปถึงการระมัดระวังไม่ให้มีชายใดมาลวนลามนางพิม ซึ่งก็ขัดกับหน้าที่อย่างที่สอง คือการชักจูงให้นางพิมอยากมีคู่ หลายคนอาจจะคิดว่าสายทองเป็นคนซื่อสัตย์ เพราะสายทองได้พยายามพูดให้ขุนแผนไม่ไปมาหาสู่นางพิม โดยกล่าวว่า
ถ้าอินทราพากระต่ายให้หายโศก |
ทุกแห่งโลกก็ฉินว่าอินทร์ชั่ว |
ดวงจันทร์ผันผยองจะหมองมัว |
ข้ากลัวเสียแล้วเณรอย่าเจรจา |
เนื้อมิได้กินมั่งหนังมิได้ปู |
กระดูกจะแขวนคออยู่เหมือนตัวข้า |
เจ้าได้พิมก็จะยิ้มอยู่อัตรา |
ต้องถูกด่าก็อายแต่สายทอง |
เหมือนตีงูมิได่สู่กินแกง |
กาเหยี่ยวเฉี่ยวบินไปคล่องคล่อง |
แต่นี้ไปพ่ออย่าได้คะนึงปอง |
มิใช่ของควรประคิ่นของกินตาย |
แต่สายทองก็ไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่การเป็นพี่เลี้ยง เพราะเห็นแก่พลายแก้ว และคำพูดของพลายแก้วที่ว่าจะเลี้ยงดูตน กลับไปทำหน้าที่แม่สื่ออย่างดี เห็นได้จากการพูดปลอบนางพิมเมื่อถูกพลายแก้วลวนลาม
เจ้าพลายแก้วเป็นชายบริสุทธิ์ |
ผ่องผุดยังไม่มีที่กังขา |
แม่ก็พรหมจารีศรีโสภา |
แต่รุ่นมาไม่มีใครมาแผ้วพาน |
พึ่งมาประสบพบพลายแก้ว |
เพียงนี้แล้วหรือจะผลักหักหาญ |
ให้เคล้าคลึงถึงสองไม่ต้องการ |
เป็นมลทินจะประจานอยู่ในใจ |
ถึงได้อื่นมาชื่นอารมณ์เจ้า |
ถ้าพบเก่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน |
ชิ้นชั่วจะติดตัวจนตายไป |
แม่อย่าได้ด่วนเด็ดเสียเดียวดาย |
สายทองจึงน่าจะซื่อสัตย์ต่อการเป็นแม่สื่อมากกว่าการเป็นพี่เลี้ยง