วิเคราะห์ความแตกต่างความสัมพันธ์ของชายหญิงระหว่างในอดีตและปัจจุบันจากบทกลอนที่ปรากฏ
จะเห็นได้ว่า ความสัมพันธ์ของวัยรุ่นในปัจจุบันจะเป็นในรูปแบบคำพูดหรือถ้อยคำที่ไม่กล่าวแสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ แต่มักจะเปรียบเทียบความรักหรือความรู้สึกกับสิ่งต่าง ๆ รอบตัวซึ่งเปลี่ยนไปตามสมัย อาทิเช่น รู้ไหมว่ามีใครบางคนคิดถึง จะเป็นการกล่าวลอย ๆ ไม่ระบุตัวผู้สื่อ แสดงลักษณะที่ไม่ตายตัว จะแต่งอย่างไรก็ได้ ไม่คำนึงถึงแบบแผนในการแต่ง และการใช้สรรพนามฉัน เธอ หรือเรา แสดงให้เห็นถึงความเท่าเทียมกันของฝ่ายชายและฝ่ายหญิงซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ลักษณะของการแสดงความรักระหว่างสองสมัยนี้แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง จะเห็นได้ว่าในสมัยก่อนจะมีการกล่าวแสดงความรักในลักษณะที่ตรงไปตรงมา ถ้าชอบก็บอกว่าชอบ ถ้าไม่ชอบก็บอกว่าไม่ชอบ แต่จะอยู่ในกรอบของประเพณีที่วางไว้ ฝ่ายชายจะเรียกแทนตนว่าพี่ และเรียกฝ่ายหญิงว่าน้อง หรือ เจ้า แสดงให้เห็นความเป็นผู้นำของผู้ชายในสมัยนั้น อีกทั้งยังต้องมีขนบของการแต่งแบบเกี้ยวพาราสี การชมโฉมนาง ซึ่งปรากฏเป็นขนบของการแต่งวรรณคดี
ลักษณะความสัมพันธ์ของชายหญิงในสมัยก่อนกับในปัจจุบันก็มีความแตกต่างเช่นเดียวกัน เราทราบดีว่าสมัยก่อนการใกล้ชิดสนิทสนมกันระหว่างชายหญิงนั้นเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะมีความคิดว่าฝ่ายหญิงจะเป็นฝ่ายเสียหายได้ง่าย และสังคมในสมัยนั้นเป็นสังคมที่แคบ สมาชิกในสังคมจะมีความสนิทสนมกันมาก หากใครทำผิด ทุกครัวเรือนก็จะรู้กันไปทั่ว จึงทำให้สังคมต้องสร้างกฎเกณฑ์ของสังคมขึ้นมาซึ่งรวมถึงความสัมพันธ์ของหญิงและชาย หรือที่เราเรียกกันว่า แฟน และหากจะกล่าวถึงความสัมพันธ์ของหญิงและชายในปัจจุบัน จะเห็นได้ว่ามีการเปิดกว้างมากกว่าในอดีตมาก เนื่องจากสังคมมีการเปลี่ยนแปลง อาทิเช่น สังคมมีลักษณะที่กว้างขึ้นหรือที่เรียกว่า พหุสังคม ทำให้ลักษณะการวางกฎเกณฑ์ของสังคมมีลักษณะที่ยืดหยุ่นขึ้น การคบกันของหญิงชายในสมัยก่อนที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ปิดกั้นมาก ก็กลับกลายเป็นเรื่องปกติในปัจจุบัน ชายหญิงมีสิทธิเสรีภาพในการคบกันและรักกันมากขึ้น
ตัวอย่างบทกลอนแสดงความรักของวัยรุ่นในปัจจุบัน
ตัวอย่างของกลอนที่ใช้สิ่งแวดล้อมเป็นสื่อในการแสดงความรู้สึก
อุตส่าห์ให้เบอร์โทรไปแล้ว |
ยังไร้วี่แววว่าเธอจะโทรมาหา |
จ้องแต่โทรศัพท์ นับแต่เข็มนาฬิกา |
คนดีจ๋า ป่านนี้ไปอยู่ที่ใด |
อยากคุย อยากคุยด้วย อยากคุยด้วยที่สุด |
ท่องนะโม 3 ชุดยังไม่เลิกสั่นไหว |
สัมพันธภาพควรจะคืบหน้า ไม่ใช่หยุดนิ่งไป |
เราปิ๊งกันแล้วใช่มั้ย เธออยู่ที่ไหน รีบโทรมาเลย |
(ทาโร่)
ตัวอย่างของกลอนที่แสดงความรู้สึกที่กล่าวโดยไม่กล่าวถึงผู้พูด
รู้ไหม ว่ารักมาก |
และคงลำบากถ้าเธอไม่อยู่ใกล้ |
ก็เพราะมีเธออยู่ที่นี่เต็มหัวใจ |
ไม่เคยเก็บเอาใครมาฝันใฝ่ นอกจากเธอ |
รู้ไหมว่า รักเธอมาก ๆ |
ไม่ใช่เพียงแต่ปากที่พร่ำเพ้อ |
แต่หัวใจก็ร่ำร้องว่า อยากมีเธอ |
อยากพบ อยากเจอ อยากคุยกับเธอทุก ๆ วัน |
รู้ไหมว่ารักนะ |
อยากที่จะให้เธอมาร่วมฝัน |
ร่วมทางเดินแล้วทำคืนวันที่เงียบงัน |
ให้เต็มไปด้วยสีสันของความผูกพันแห่งเรา |
(สีม่วง)
ตัวอย่างของกลอนที่แสดงความเท่าเทียมกันระหว่างชายหญิงผ่านการใช้สรรพนาม
ไม่มีเหตุผล ไม่มีคำอธิบาย |
ถึงความรักที่มีมากมายในวันนี้ |
ไม่รู้ว่าจะหาคำพูดคำใดดี |
จึงจะเพียงพอกับความรู้สึกที่มีในหัวใจ |
คือความอบอุ่นเนิ่นนาน |
คือความอ่อนหวานที่ยากจะหาจากใครคนไหน |
คือความสุขลึกล้นเมื่อมีเธอคอยห่วงใย |
คือความหมายยิ่งใหญ่ที่สัมผัสได้ในสองตา |
สำหรับผู้ชายคนนี้ |
จะยอมทำทุกวิธีเพื่อให้เธอมีจนวันหน้า |
และไม่ว่าคืนวันจะผ่านไปกี่เวลา |
ยังยืนยันและสัญญาว่าหนึ่งเดียวเสมอมาคือเธอ |
(ตังเม)
ตัวอย่างของกลอนที่ไม่แสดงความรู้สึกออกมาตรง ๆ
แอบสบตาเธอเป็นพัก ๆ |
หามุมนั่งที่จะได้ทักกันง่าย ๆ |
เพียงเพราะอยากรักษาอาการระวนกระวาย |
ที่มันมีมากมายมากขึ้นทุกวัน |
ไม่รู้เหมือนกัน ว่ามันเป็นยังไง |
รู้แค่ว่าความฟุ้งซ่านมันหาย ถ้าได้เจอแค่เธอนั้น |
รู้แค่ว่าถ้าอยู่ใกล้ ฉันอิ่มเอิบใจ อะไรก็ไม่สำคัญ |
ไม่รู้เป็นไงเหมือนกัน |
รู้แค่ว่าสบตาเธอและได้เจอกันทุกวัน ฉันสุขหัวใจ |
|
(มาบุชี่)
ตัวอย่างของกลอนที่แสดงความรู้สึกผ่านสิ่งที่เป็นนามธรรม
ความรักอาจทำให้คนตาบอดจริงๆก็ได้ |
ฉันจึงรู้สึกดีๆไปเสียทุกอย่าง |
ในเวลาที่มีเธอเดินร่วมทาง |
ฉันถึงรู้สึกว่ารอบข้าง เป็นสีชมพู |
เหมือนกำลังอยู่ในความฝันอันอบอุ่น |
โลกทั้งโลกดูอ่อนละมุนและสวยหรู |
ถ้าหากชีวิตมีเธอแล้ว โลกเป็นสีชมพู |
ก็จะตาบอดเพราะความรักดูสักตั้งหนึ่ง |
(แมลงปอ)