สายทองเมินหน้าว่าไม่ฟัง |
จะพาหลังลายแล้วพ่อแก้วเอ๋ย |
จะชักสื่อสู่หาข้าไม่เคย |
หมายเชยเห็นจะชวดแล้วน้องเณร |
ท่านเจ้าขุนมุลนายก็ร้ายกาจ |
ฉวยพลั้งพลาดสิจะฉาวเป็นกราวเขน |
ไปว่าวอนเกลือกหล่อนไม่อ่อนเอน |
เหมือนตระเวนตัวไว้ไม่ต้องการ |
ไหนจะด่าโด่งดังหลังจะลาย |
เณรพลายก็รำเล่นนอกม่าน |
ไม่ควรทำข้าไม่ทำให้รำคาญ |
มิใช่คนสำหรับวานของเณรพลาย |
จะเกรงบ้างเป็นไรกับสายทอง |
นินทาน้องให้พี่ฟังเล่นง่ายง่าย |
ได้เมตตาเถิดอย่าให้ข้าอาย |
ข้าตายเถอะเหมือนแกล้งมาฆ่ากัน |
แยบคายเอากระต่ายมากล่าวถ้อย |
ว่าพิมน้อยเหมือนกระต่ายในสวรรค์ |
จะพึ่งพักยักว่าสารพัน |
ไม่เคยเห็นกระต่ายจันทร์เป็นสองตัว |
ถ้าอินทราพากระต่ายให้หายโศก |
ทุกแหล่งโลกก็จะฉินว่าอินทร์ชั่ว |
ดวงจันทร์ผันผยองจะหมองมัว |
ข้ากลัวเสียแล้วเณรอย่าเจรจา |
เนื้อมิได้กินมั่งหนังมิได้ปู |
กระดูกจะแขวนคออยู่เหมือนตัวข้า |
เจ้าได้พิมก็จะยิ้มอยู่อัตรา |
ต้องถูกด่าก็จะอายแต่สายทอง |
เหมือนตีงูมิได้สู่กันแกงกิน |
กาเหยี่ยวเฉี่ยวบินไปคล่องคล่อง |
แต่นี้ไปพ่ออย่าได้คะนึงปอง |
มิใช่ของควรประคิ่นของกินตาย ฯ |
นิจจาไม่เวทนาสีกาพี่ |
ทุกวันนี้เณรน้องคะนึงหมาย |
รักพี่มิได้มีอารมณ์คลาย |
พี่สายทองทิ้งน้องเสียกลางทาง |
เด็ดปลียังมีซึ่งเยื่อใย |
ได้มาพึ่งแล้วก็เผื่อฉันไว้บ้าง |
ได้พิมเชยฤาจะเลยทิ้งพี่นาง |
ก็เหมือนอย่างหว่านข้าวลงในดิน |
ถึงน้ำท่าฟ้าฝนจะแห้งแล้ง |
อย่านึกแหนงว่าจะสูญเสียหมดสิ้น |
แต่ชั้นชั่วถึงว่าตัวมิได้กิน |
นกหกผกผินได้เป็นทาน |
ถ้าหม่อมพี่มีคุณแก่ฉันเล่า |
เห็นจะเปล่าเจียวฤาน้องมาอยู่บ้าน |
คงจะแทนคุณพี่มิได้นาน |
ให้สมานเสมอพิมผู้นิ่มนวล |
เงินทองของกินสิ้นทั้งนั้น |
จะแบ่งปันคนละครึ่งพอกึ่งส่วน |
ปรานีน้องสายทองช่วยชักชวน |
พอได้พิมจะประมวลสินบนมา |
ถ้วนชั่งตั้งให้พี่สายทอง |
แต่สักเฟื้องหนึ่งน้องไม่ขอว่า |
ค่ำลงพี่จงสนทนา |
ถึงเวลาบิณฑบาตจะคอยฟัง ฯ |
รักจริงฤาเจ้าเณรจะแกล้งรัก |
เห็นหนักนักนีดเน้นเข้าเป็นชั่ง |
ข้ากลัวแต่ได้คนสินบนยัง |
จะร้องทวงโด่งดังก็ใช่ที |
ถ้าจริงจังดังนั้นเจ้าเณรแก้ว |
มายื่นแมวยื่นหมูให้รู้ที่ |
เจ้ารักษาสัตย์ไว้ให้จงดี |
พรุ่งนี้เจ้าเณรมาฟังดู |
เณรแก้วรับคำแล้วอำลา |
สายทองกลับมาไม่หยุดอยู่ |
ข้าไทตามหลังมาพรั่งพรู |
เณรแก้วก็ไปสู่อารามพลัน ฯ |
ครั้นสิ้นแสงสุริยาทิพากร |
ศศิธรเลื่อนลิ่วปลิวสวรรค์ |
ดิเรกดาวขาวกระจ่างดังกลางวัน |
ทรงกลดจรจรัลกระจ่างดวง |
สายทองชวนน้องให้ชมจันทร์ |
ผิวพรรณไพโรจน์โชติช่วง |
ผ่องแสงแจ้งงามดังเงินยวง |
ไยจึงหวงกระต่ายไว้ในวงจันทร์ |
ร้อยปีก็มิได้จะไปไหน |
เหตุใดขึงขังอยู่รึงมั่น |
แต่เห็นมาไม่รู้ว่ากี่พันวัน |
ดูเดือนก็ยิ่งพรั่นอยู่ในใจ |
เหมือนหนึ่งเราพี่น้องทั้งสองคน |
จนเหมือนกระต่ายจันทร์ไม่ไปได้ |
ไร้คู่อยู่กับฟ้าสุราลัย |
กระต่ายไพรพร่ำแลทุกเวลา |
พี่รักเจ้าฟักฟูมอุ้มประคอง |
จนพิมน้องจำเริญวัยขึ้นใหญ่กล้า |
ทั้งเป็นญาติเป็นทาสท่านช่วยมา |
กลัวอาญากลัวอายเสียดายตัว |
อนิจจาเกิดมาเสียทั้งชาติ |
เป็นอันขาดแล้วไม่รู้ว่าลูกผัว |
ดังแหวนทองผ่องศรีไม่มีมัว |
จนแต่หัวพลอยประดับประดาดี |
พี่รักเจ้าจึงเฝ้าลำบากนัก |
แม้นมิรักก็จะเตร่เที่ยวเร่หนี |
ถึงจับมาฆ่าเสียก็ตามที |
มิตายก็คงจะรอดตลอดไป |
ทั้งนี้พี่ยากก็เพราะเจ้า |
ด้วยยังหามีเหย้ามีเรือนไม่ |
พี่จึงต้องรักษาเป็นตาใจ |
คุณผู้ใหญ่ก็ชราลงทุกวัน |
เหมือนดังไม่ใกล้ฝั่งจะพังล้ม |
พี่ปรารมภ์ร้อนใจให้พรั่นพรั่น |
ถ้าสิ้นบุญคุณแม่ศรีประจัน |
สารพันจะกระจัดกระจายไป |
ชายหนุ่มก็จะกลุ้มกันดูถูก |
ด้วยว่าลูกนั้นหาพ่อหาแม่ไม่ |
พี่คิดพร่ำค่ำเช้าให้เศร้าใจ |
ฤากระไรแม่คิดดูแต่ดี |
ถ้าได้คู่สู่สมเมื่อแม่ยัง |
เห็นมั่งคั่งสืบสายเป็นเศรษฐี |
อายุคนนี้จะนานสักกี่ปี |
พี่ว่านี้แม่จะเห็นประการใด ฯ |