นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง |
ก็เพลี่ยงพลั้งตั้งจิตพิสมัย |
ด้วยสบเนตรเณรแก้วผู้แววไว |
ดังเหล็กเพชรกรึงในสกลกาย |
ถึงสายทองจะมิปองเป็นเชิงชัก |
ก็คิดรักอยู่ไม่ร้างจะห่างหาย |
วันยังค่ำคร่ำครวญถึงเณรพลาย |
พอสายทองมาพูดก็พึงใจ |
แต่มารยาหากพาให้บิดเบือน |
งำเงื่อนหาให้เห็นกระแสไม่ |
ทำปึ่งขึงข่มไว้ภายใน |
เป็นครู่ใหญ่จึงเยื้อนมาพาที |
ข้าขอบใจใจหายพี่สายทอง |
รักน้องสงวนน้องไว้ถ้วนถี่ |
อุ้มน้องมิให้ต้องเถ้าธุลี |
ปรานีสั่งสอนทุกสิ่งอัน |
ชั้นแต่เดินมิให้เมินไปดูอื่น |
นั่งยืนนอนสอนทุกสิ่งสรรพ์ |
เห็นใครพอใจน้องคอยป้องกัน |
ข้าหมายมั่นจะมอบชีวาลัย |
นี่ข้าทำไมให้สายทอง |
จึงชักน้องนำเณรประเคนให้ |
จะให้ดีฤาให้ชั่วมายั่วใจ |
ฤาว่าไปสื่อสารเป็นมารยา |
สมคบคิดกันกับเณรแก้ว |
มิแล้วฤาจึงลามมาถึงข้า |
ส่วนใครช่างใครเป็นไรนา |
จะมาพากันเพ้อไปไยมี |
มิใช่ชายตายสิ้นทั้งดินดอน |
จะแค่นค่อนขอดน้องไปพ้องพี่ |
เขาจะหยันทั้งสุพรรณบุรี |
มิรู้ที่จะหลบหน้าไปแห่งไร |
พี่รักก็รักคนเดียวเถิด |
จะช่วยปิดดอกหาเปิดเนื้อความไม่ |
พิมรู้จะนิ่งอยู่แต่ในใจ |
อย่าสงสัยน้องเลยพี่สายทอง ฯ |
อนิจจาแม่พิมมาทิ่มตำ |
เจ็บช้ำตลอดล้นจนขมอง |
ไม่เคยเลยจะเย้ยว่าสายทอง |
แม่เจ้าเอ๋ยคราวน้องนี้ฤาเณร |
เป็นทาสฤาจะอาจเข้าเทียมไท |
ก็เข้าใจอยู่ว่าเกลือกับพิมเสน |
เณรไม่รู้ฤาจะจู่ลงลุยเลน |
ถึงจะแค่นเข้าประเคนก็คนจน |
แหวนตะกั่วนี้เหมือนตัวของสายทอง |
จะรับรองเรือนเพชรไม่เป็นผล |
แสนอาภัพยับทั่วทั้งตัวตน |
ร้อนรนก็เพราะรักรำคาญใจ |
ด้วยเห็นน้องของตัวนี้มัวหมอง |
สายทองเวทนาไม่นิ่งได้ |
ไม่มีข้อแล้วจะต่อเนื้อความไย |
แล้วไปเถอะทีนี้ไม่เจรจา |
คิดดูแต่ฝันนั้นเถิดน้อง |
จะได้ชมบัวทองก็เพราะข้า |
ถ้าสายทองหมองใจไม่นำพา |
มิต้องกินน้ำตาก็ดูเอา |
ไปเบื้องหน้าหารือกับสายทอง |
ข้ามิร้องให้แซ่ถึงแม่เฒ่า |
ให้ทรมาทารกรรมเสียทำเนา |
กลืนข้าวเป็นกลืนยาน้ำตาพราว |
ชั่วดีพี่ก็อาบน้ำร้อนก่อน |
แต่อ่อนอ่อนอุ้มเลี้ยงมาจนสาว |
อย่าพักเร้นคงจะเห็นกันสักคราว |
ถ้ามิฉาวก็มิใช่อีสายทอง ฯ |
หาหาขันจริงเจ้าจอมพี่ |
อย่าจู้จี้เลยจะยอมให้คล่องคล่อง |
ไม่น่าขัดเลยจะแค่นเข้าปรองดอง |
ถึงไม่ผิดก็จะฟ้องให้แม่ตี |
นี่สินบนมาประดนเข้ากี่ชั่ง |
จึงมาตั้งคอขู่อยู่จู้จี้ |
จริงฤาถือว่าเจ้าเณรดี |
ได้คำมั่นขันตีที่ไหนมา |
จึงปลงใจปลงเนื้อเชื่อเอาหมด |
เจ้ากูสบถฤาว่าจริงไม่ทิ้งข้า |
จึงอวยเออเร่อรับมาเจรจา |
เบื้องหน้าแล้วจะเจ็บน้ำใจจน |
จะเสียตัวก็เพราะกลัวจะเคืองข้อง |
ครั้นตรึกตรองดูก็เห็นไม่เป็นผล |
ขืนเชื่อคำเณรพลายจะอายคน |
ยิ่งคิดก็ยิ่งวนยิ่งเวียนใจ |
ถ้าเขาทิ้งเสียไม่จริงดังถ้อยคำ |
ฉันจะทำอะไรสายทองได้ |
ช้าช้าตรึกตราก่อนเป็นไร |
แคะไค้ค้อนติงดูจริงจัง |
ถ้าเหมือนปากมีขันหมากมาขอสู่ |
จะทำชู้น้องนี้กลัวจะร้อนหลัง |
เกิดชาติหนึ่งประมาทไม่จีรัง |
ถ้าเพลี่ยงพลั้งลงแล้วจะจนใจ ฯ |
โอ้แม่พิมนิ่มน้องของพี่เอ๋ย |
อย่ากลัวเลยพี่หาเป็นเช่นนั้นไม่ |
จะพะวงสงกาไปว่าไร |
เจ้าสายใจสุดที่รักของสายทอง |
ถ้าไม่ดีฤาพี่จะชักพา |
ให้แก้วตาเสียตัวต้องมัวหมอง |
เห็นสมศักดิ์สมนวลควรจะครอง |
กับพิมน้องเนื้อสุวรรณกำภู |
จะเปรียบยศก็ปรากฏมีคนนับ |
จะเปรียบทรัพย์ก็เสมอสมานอยุ่ |
แม้นจะชั่งตั้งใส่ในตราชู |
ก็ควรคู่สมสิ้นทุกสิ่งอัน |
พิศรูปสองรูปก็น่ารัก |
ชะอ้อนอ่อนวรพักตร์เจ้าเฉิดฉัน |
ดังอาทิตย์ชิดรถเข้าเคียงจันทร์ |
ถ้าได้กินแล้วเป็นบุญของสายทอง |
จะนั่งชมนอนชื่นทุกคืนวัน |
จะทำขวัญขวัญตาเจ้าทั้งสอง |
ให้นั่งเรียงเคียงกันบนเตียงทอง |
ยามร้อนจะประคองเข้าพัดวี |
หอห้องของพิมพิลาไลย |
จะตกแต่งตกไว้นักงานพี่ |
ฟูกหมอนที่นอนเตียงเรียบเรียงดี |
ให้มีฉากพับตั้งไว้บังบาน |
มุ้งแพรแลเลิศวิไลตา |
ระบายทองรจนาดูสะอ้าน |
พู่กลิ่นย้อยห้อยพวงสุมามาลย์ |
กระโถนพานหมากตั้งไว้เรียงราย |
เครื่องแป้งแต่งปริกประดับพลอย |
กระจกส่องคันฉ่องน้อยให้เฉิดฉาย |
จะนั่งพึ่งบุญพิมยิ้มสบาย |
กินนอนไม่ระคายระคางใจ |
อย่าเรรวนควรคู่อยู่แล้วน้อง |
จงปรองดองอย่าพะวงสงสัย |
สายทองนี้จะรองเป็นเกือกไป |
ให้สัญญาพิมได้นะดวงตา |
ถ้าเณรแก้งแววไวไม่คงสัตย์ |
ไพล่พลัดกลับกลายไปภายหน้า |
จะเรียกพี่ไยเล่าไม่เข้ายา |
จงตีด่าส่งไปเป็นคนครัว |
ให้ตักน้ำตำข้าวทุกเช้าเย็น |
เคี่ยวเข็ญอย่าให้ได้เงยหัว |
สับทำให้ระยำเสียทั้งตัว |
ชักชั่งแล้วจะเลี้ยงไปไยมี |
รุ่งเช้าเจ้าเณรมาบิณฑบาต |
สุดสวาทลงไปใส่ด้วยพี่ |
จะนัดเณรเสียให้แจ้งแห่งคดี |
พรุ่งนี้ไปไร่ได้พบกัน |
พอได้พูดกับแม่พิมเสียสักพัก |
รับรักลงใจได้แม่นมั่น |
แล้วทีหลังตั้งปึ่งเสียทุกวัน |
แม้นขยั้นอยู่มิให้ผู้ใดมา |
ตกนักงานพี่เถิดทีหลัง |
ข้ามิพ้อให้น่าฟังก็จึงว่า |
นอนเถิดดึกแล้วนะแก้วตา |
มาพี่จะกอดให้พิมน้อย |
สัพยอกหยอกเย้าให้เจ้านอน |
ชะอ้อนออกชื่อเณรอยู่บ่อยบ่อย |
จนพิมปลงหลงคำด้วยสำออย |
เดือนก็คล้อยเคลื่อนดับระงับกาย ฯ |