นางพิมพิลาไลยครั้นได้ฟัง

ถ้อยคำแต่หลังเจ้าพลายว่า

ทุกสิ่งจริงใจแต่ไรมา

เหลียวดูหน้าพลายแก้วแววไว

ด้วยเป็นเพื่อนเรือนใกล้กันแต่ก่อน

เสียงหล่อนพูดจาก็จำได้

ค่อยเหือดหายคลายพรั่นประหวั่นใจ

ก็ตอบไปว่าฉันลืมพี่จริงจริง

เมื่อวันเทศน์สังเกตก็รู้จัก

ครั้นจะทักตัวน้องนี้เป็นหญิง

อันน้ำใจใช่ว่าจะชังชิง

แต่ตรึกกริ่งกลัวคนจะนินทา

ซึ่งสั่งสายทองมาว่าไม่ทัก

โกรธฉันนักฤาจึงพ้อเอาต่อหน้า

นี่สึกออกทำไมไปไหนมา

จึงเดินลัดตัดป่ามาไร่น้อง

ฤาบวชเรียนเพียรได้วิชาแล้ว

พี่พลายแก้วจะสึกไปบ้านช่อง

ฤาติดใจรักใคร่พี่สายทอง

ต้นมะต้องต้นใหญ่พี่ไปดู ฯ

เจ้าพลายแก้วฟังนางพลางตอบว่า

ที่มาหานี้ด้วยมีธุระอยู่

สู้หลีกลี้หนีท่านสมภารครู

ด้วยรู้ว่าแม่พิมจะออกมา

ถึงกลับไปได้ผิดไม่คิดตัว

ไม่กลัวที่จะต้องซึ่งโทษา

พี่จะเล่าให้ฟังแต่หลังมา

แจ้งจิตกิจจาแต่จริงใจ

เป็นกุศลดลถึงคะนึงหา

จะอยู่ด้วยมารดานั้นไม่ได้

แสนทุกข์สุดทุกข์ระทมใจ

ดังกองไฟฟอนฟอกอยู่ฟูมฟืน

จึงคิดอ่านลาท่านมารดาบวช

เร็วรวดรีบรัดไปวัดอื่น

แต่สุพรรณไกลกันถึงข้ามคืน

อุตส่าห์ฝืนท่องเที่ยวผู้เดียวมา

มาพบพิมแม่ไม่ยิ้มไม่เยื้อนทัก

ยิ่งทุกข์หนักแสนโทมนัสา

พบสายทองได้ช่องจึงเจรจา

สั่งถึงแก้วแววตาค่อยคลายใจ

พบพักตร์ครั้นจะทักเมื่อใส่บาตร

ยังขยาดขยั้นนักไม่ทักได้

มาพบกันวันนี้ไม่มีใคร

จะมอบไมตรีพิมผู้นิ่มนวล

ใช่จะแกล้งแต่งล่อแต่พอได้

ที่จริงใจมั่นแม่นสักแสนส่วน

ขอเป็นคู่อยู่กับน้องประคองนวล

อย่ารัญจวนที่จะจากจะจืดจาง ฯ

นิจจาเจ้ายังว่าเขาคนอื่นว่า

เป็นเพื่อนเล่นเห็นหน้าไม่เกรงบ้าง

มาผูกจิตคิดร้ายทำลายทาง

ครั้นน้องว่าจะระคางรำคาญใจ

เป็นเพื่อนแล้วจะเชือนเข้าเป็นชู้

มิรู้ที่จะคิดอย่างไรได้

คิดว่าทักรักกันมาแต่ไร

จึงเพ้อพาซื่อไปไม่สงกา

ไม่งามนะข้าห้ามเจ้าพลายแก้ว

ทีนี้แล้วไปทีหลังอย่าได้ว่า

นั่งช้าข้าไทจะกลับมา

ข้าจะลาแล้วลุกขึ้นทันใด ฯ

พลายแก้วเยื้องย่างพลางปลอบ

ซึ่งมิชอบคิดผิดจะคิดใหม่

เชิญนั่งลงก่อนอย่าเพ่อไป

พี่ไม่แกล้งแต่งข้อมาล่อลวง

อันความรักหนักแน่นแสนวิตก

ระอาอกแทบเท่าภูเขาหลวง

พรหมินทร์อินทร์จันทร์สิ้นทั้งปวง

ก็บนบวงสิ้นฟ้าสุราลัย

เชื้อเชิญเมินหน้าไม่มาช่วย

เห็นคงม้วยไม่หมายผู้ใดได้

เว้นแต่เจ้าเยาวยอดผู้ร่วมใจ

จะผลักพลิกแพลงให้บรรเทาลง ฯ

พูดเพราะเสนาะในน้ำใจเหลือ

ไม่รู้เช่นก็จะเชื่อด้วยลมหลง

คำวอนอ่อนระทวยให้งวยงง

นี่คงตรงแล้วฤาตรองมาพาที

แต่แรกรักเพียงจักสู้ตายได้

ประโลมใจกว่าจะตายไม่หน่ายหนี

จึงบุกป่าฝ่าดงพงพี

เพราะไมตรีตรึงตรอมทุกเวลา

อันมนุษย์แสนสุดที่โลภเหลือ

ไม่ควรเชื่อตามความปรารถนา

เหมือนของกินสิ้นไปทุกเวลา

ต้องหาเปรี้ยวหาเกลือมาเจือจาน

ต้มแกงแต่งเจียวทั้งปิ้งจี่

เซ้าซี้สารพันที่มันหวาน

เลือกดิบเลือกสุกทุกประการ

ถ้าซ้ำสิ่งใดนานก็เบื่อไป

คิดดูเถิดนะเจ้าแต่เท่านั้น

ยังไม่กลั้นกลืนเคี้ยวสิ่งเดียวได้

ประเวณีเป็นที่กำเริบใจ

แต่ใหม่ใหม่มุ่งมอบชีวิตกัน

อุประมาเหมือนผ้าที่นุ่งห่ม

ซื้อใหม่ก็นิยมว่าเฉิดฉัน

ยามขัดสนจนมาสารพัน

ผืนนั้นนุ่งซ้ำประจำกาย

ครั้นได้อื่นผืนใหม่เข้ามาผลัด

ก็เหยาะหยัดซัดกรุยทำฉุยฉาย

เป็นสองผืนชื่นจิตคิดสบาย

นุ่งห่มกรุยกรายทุกเวลา

ก็เหมือนกันกับหมายไม่วายรัก

ที่เก่าก่อนแล้วชักประเชิญหน้า

ลงประเชิญแล้วก็เมินทุกเวลา

ลงเป็นผ้าชุบอาบไม่เอื้อเฟื้อ

แต่ซักซักฟาดฟาดจนขาดวิ่น

จนเป็นชิ้นเช็ดใช้ไม่หลอเหลือ

ถึงจะเย็บตะเข็บขาดไม่พาดเจือ

ให้เป็นเนื้อเติมได้ดังก่อนมา

เหมือนหญิงชายว่าจะตายด้วยกันได้

จะเห็นใจฤาไม่จางไปข้างหน้า

ลิ้นกับฟันอยู่ด้วยกันเป็นอัตรา

ลางเวลาก็กระทบกระทั่งกัน

เหมือนตัวเจ้ามาเฝ้ารำพันถึง

มาหมายพึ่งพูดวอนให้ผ่อนผัน

ก็คิดอยู่เอ็นดูเจ้าครันครัน

ไม่หักหั่นอาลัยให้เด็ดดาย

ไปสู่ขอต่อท่านผู้มารดา

ถ้าเมตตาตามใจเจ้ามุ่งหมาย

น้องจะยอมพร้อมใจไม่ระคาย

แม้นว่าชายอื่นเอื้อมมาเจรจา

ถึงคุณแม่จะมอบให้ครอบครอง

ไม่ชอบใจน้องจะขอว่า

จะขืนใจเอาแต่ใจของมารดา

ก็จงฆ่าฟันเถิดไม่ขอตัว

ถ้าเจ้าแก้วขอแล้วคุณแม่ให้

น้องดีใจได้พ่อมาเป็นผัว

ทำชู้สู่หาข้านี้กลัว

ความชั่วเขาติฉินไม่ยินดี

เจ้าติดตามมาถามด้วยความรัก

ก็ประจักษ์แจ้งใจอยู่ถ้วนถี่

จะอยู่ช้าว่าไรทำไมมี

อย่าเซ้าซี้ร่ำบ่นสนทนา

อนึ่งเล่าบ่าวไพร่จะมาเห็น

จะเป็นเช่นเป็นลายไปภายหน้า

เมื่อคล่องใจวันใดพ่อจึงมา

ปรึกษาขอสู่ให้ควรการ

ตะวันชายบ่ายเย็นลงถนัด

ไปวัดเถิดน้องจะไปบ้าน

อย่ารีรวนจวนค่ำจะรำคาญ

ขืนฟุ้งซ่านสืบไปจะได้อาย ฯ

อนิจจาแก้วตาของพี่เอ๋ย

กระไรเลยด่วนขับเสียง่ายง่าย

พี่รักพิมปิ้มจะตีให้ตนตาย

พึ่งเว้นวายวันนี้ได้พบน้อง

กลับไปกว่าจะได้มาขอสู่

ยังไม่รู้ว่าจะได้ประสมสอง

เกลือกท่านมารดามิปรองดอง

ยิ่งไกลน้องนับวันจะจืดจาง

งามปลื้มแม่จะลืมลงทุกวัน

สารพันรวนเรจะเหห่าง

ถึงประสบพบกันที่กลางทาง

คงระคางไปไม่เหมือนแต่ก่อนมา

ถ้ามั่นคงปลงใจว่ารักแก้ว

แท้แล้วอย่าให้ห่างเสน่หา

ขอฝากดวงจิตเจ้าจงเมตตา

แต่ครั้งคราเดียวเถิดอย่าถือใจ

ซึ่งเจ้าเปรียบเทียบคิดจิตมนุษย์

หาสิ้นสุดความโลภลงได้ไม่

เหมือนของกินหารู้สิ้นไปเมื่อไร

เป็นวิสัยสังเกตแก่ฝูงคน

ถึงนั่นหน่อยนี่หน่อยอร่อยรส

ปรากฏก็แต่ข้าวแลเป็นต้น

ดุจความเสน่หาจลาจล

ร้อนรนก็ที่รักกำเริบใจ

เหมือนผ้าเก่าเศร้าทรุดพิรุธนัก

จะซ้ำซักเสียให้ขาดหาควรไม่

เป็นยกทองต้องตาก็อาลัย

มิใช่ตาบัวปอกแลเมล็ดงา

กว่าจะได้ห่มนุ่งบำรุงกาย

มิใช่ง่ายต่อตามกันหนักหนา

กับอนึ่งก็แพงแรงราคา

ถึงเก่าแล้วก็อุตส่าห์ถนอมชม

ประจงใส่หีบหอมถนอมไว้

เมื่อมีงานการใหญ่เป็นการสม

จึงหยิบคลี่ด้วยเป็นที่คนนิยม

แล้วอบรมกลิ่นฟุ้งจรุงใจ

ถึงผ้าอื่นผืนใหม่ได้มามาก

ก็นุ่งลากเสียดอกไม่ดีได้

ขอลานวลจวนค่ำไม่ขืนใจ

ทั้งอาลัยลำบากจะจากน้อง

โลมลูบจูบชายสไบห่ม

ขอชมนิดเถิดเจ้าอย่าเศร้าหมอง

ช่างน่าชมสมควรเป็นนวลละออง

นี่กรองเองฤาเจ้าซื้อมาแห่งใด ฯ