นางสะบัดปัดชายสไบห่ม |
อย่ามาชมเลยผ้าคุณแม่ให้ |
เลียมชมข่มเหงไม่เกรงใจ |
นี่อะไรเจ้าแก้วไม่ควรการ |
รักน้องสิจะปองให้เป็นผล |
กลางหนฤามารักทำหักหาญ |
ไม่รักแต่งดอกจึงแกล้งทำประจาน |
มาด่วนรานรีบได้แต่โดยใจ |
ให้เกรียมตรมจึงจะสมคะเนเจ้า |
ก็หมองเศร้าอยู่หาสู้สนิทไม่ |
เสียทีเจ้าแก้วก็แล้วไป |
อันจะได้พิมนั้นอย่าสงกา |
เหมือนข้าวดิบจะหยิบเข้าใส่ปาก |
กำลังอยากยังกรุบอยู่หนักหนา |
ไม่อร่อยดอกจงปล่อยเสียเร็วรา |
ทำขืนขัดใจข้าแล้วขาดกัน ฯ |
เจ้าเนื้อนิ่มพิมน้อยอนาทร |
มาตัดรอนแรกรักบากบั่น |
จงงดเงือดเหือดโกรธที่โทษทัณฑ์ |
พลางรับขวัญยอดสร้อยอย่าน้อยใจ |
พี่รักนุชสุจริตน้ำจิตรัก |
ไม่หาญหักก่อนดอกแต่โดยได้ |
ผลักมือรื้อฉวยชายสไบ |
เพราะอาลัยกำเริบที่ในทรวง |
งดโทษพี่เถิดเจ้าจงเอาบุญ |
อย่าเคืองขุ่นคั่งแค้นเฝ้าแหนหวง |
นมเจ้างอนงามปลั่งดังเงินยวง |
ประโลมล่วงน้องหน่อยอย่าน้อยใจ |
พลางกอดน้องขึ้นประคองขึ้นบนตัก |
จะแพลงผลักพลิกเลื่อนลงไปไหน |
แล้วเปลื้องปลดลดชายให้คลายใจ |
นางฉวยฉุดยุดไว้ไม่วางมือ ฯ |
อนิจจาว่าแล้วหาฟังไม่ |
จะฆ่าพิมเสียที่ไร่นี่แล้วฤา |
รักน้องกลางหนให้คนลือ |
อย่างนี้น้องไม่ถือว่ารักน้อง |
โดยชั่วถึงตัวมิได้แต่ง |
ก็จัดแจงน้องนี้มีหอห้อง |
พอควรการแล้วฉันจะปรองดอง |
มิให้ข้องขัดเคืองกระเดื่องใจ |
ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย |
จะเรียงรายกลางหนหาควรไม่ |
พิเคราะห็ให้เหมาะก่อนเป็นไร |
กลับไปเถิดพ่อแก้วผู้แววตา |
อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย |
ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา |
นางก้มอยู่กับตักซบพักตรา |
เฝ้าวอนว่าไหว้พลางพ่อวางพิม ฯ |
ประจงจูบลูบผมแล้วชมพักตร์ |
น่ารักนวลเนื้อเจ้านิ่มนิ่ม |
น้ำตาคลออยู่เปี่ยมเรียมริม |
เจ้าเยื้อนยิ้มสักหน่อยเถิดกลอยใจ |
สงสารไหว้วอนให้ผ่อนวาง |
รักนางมิใคร่จะไกลได้ |
พี่จะหอบเสน่หาลาไป |
เหลืออาลัยที่จะทรมาน |
หยิบมือพิมน้อยประทับทรวง |
แม่ดูดวงจิตพี่ออกฟุ้งซ่าน |
เวลาค่ำแม่จงสังเกตการ |
จะไปบ้านหาพิมพิลาไลย |
ช้อนคางพลางจูบประคองชม |
แนบนมแนบนมเจ้าผ่องใส |
พวงพุ่มตูมตั้งยังเป็นไต |
อาลัยลูบโลมทั้งกายา |
จับมือถือนิ้วเจ้าพิมชม |
สวยสมสิบนิ้วเสน่หา |
ซบพักตร์อยู่กับตักไม่เจรจา |
พี่จะลาแล้วแม่ผินมาดีดี ฯ |
ครานั้นอีข้าไทไปเก็บฝ้าย |
ตะวันบ่ายรำไรลงได้ที่ |
อีเต่าหับอีพลับกับอีปลี |
ยัดอัดกระบุงดีร้องเพลงมา |
สายทองระวังน้องอยู่ต้นทาง |
เห็นอีบ่าวเหย่าย่างมาข้างหน้า |
แกล้งร้องอึงให้ถึงเจ้าสองรา |
ไปหวาไปเหวยเฮ้ยจวนเย็น ฯ |
นางพิมกราบไหว้เจ้าพลายแก้ว |
มันมาแล้วไปเถิดมันจะเห็น |
พ่อจะมาฆ่าน้องเสียทั้งเป็น |
เอ็นดูเถิดพ่อไปเสียไวไว |
เจ้าพลายกอดพิมประทับไว้กับตัก |
เสียดายนักมิใคร่วางนางลงได้ |
เสียงบ่าวข้ามากระชั้นก็จนใจ |
ลุกขึ้นบังต้นไม้แล้วหลีกมา |
นางพิมลุกยืนขึ้นทันใด |
ฝ้ายลีเป็นกระไรอีเด็กหวา |
ตะวันเย็นเห็นจวนควรเวลา |
ออกจากพุ่มพฤกษาแล้วเดินไป |
สายทองเดินชิดสะกิดพิม |
หยอกยิ้มค่อยกระซิบปราศรัย |
แม่พิมพี่วันนี้เป็นไรไป |
หลังไหล่ล้วนต้องละอองดิน |
นางพิมยิ้มค้อนให้พี่เลี้ยง |
ส่งเสียงไปให้มันเข้าหูสิ้น |
จำเพาะจะว่าไปให้ได้ยิน |
ดีใจดังจะบินจะโบยไป |
เมื่อวานเห็นรำคาญไม่รู้วาย |
เดี๋ยวนี้หาเพื่อนตายเข้าไว้ได้ |
อย่าพักว่าเลยข้าไม่เป็นไร |
ปัดไถมหมองมัวไปนิดเดียว |
สายทองฟังน้องก็นั่งยิ้ม |
นางพิมค้อนให้นัยน์ตาเขียว |
อีพวกข้าแบกฝ้ายตามนายเกรียว |
มาบัดเดี๋ยวถึงบ้านเข้าทันใด |
นางพิมสายทองทั้งบ่าวข้า |
ขึ้นบนเคหาหาช้าไม่ |
จวนค่ำย่ำเย็นลงไรไร |
พอเก็บฝ้ายลีไว้ก็พลบพลัน |
สายทองชวนน้องเข้าห้องนอน |
ร่วมหมอนกระซิบเกษมสันต์ |
สัพยอกหยอกพิมนิ่มนวลจันทร์ |
เมื่อกลางวันเป็นอย่างไรอย่าได้พราง ฯ |
ครานั้นนางพิมพิลาไลย |
ค้อนให้พลิกแพลงตะแคงข้าง |
ปั่นป่วนข่วนหยิกสายทองพลาง |
เพราะพี่นางแนะนำให้ทำน้อง |
พอเห็นหน้าพูดจากันสองคำ |
กระโจนกอดคอปล้ำเล่นคล่องคล่อง |
จะแกล้งให้น้องอายพี่สายทอง |
จะใคร่ร้องขึ้นให้ไร่ทลาย |
น้อยใจนักหนาน้ำตาตก |
เป็นสองยกพลิกคว่ำให้จำหงาย |
ผ้าผ่อนฉวยฉุดให้หลุดกาย |
ถ้าตัวตายเสียก็ดีกว่าเป็นคน |
เนื้อแท้เขาจะปล้ำทำเล่น |
ข้าแค้นใจไม่เห็นจะเป็นผล |
วันนี้จะเอามีดเข้ากรีดตน |
ให้วายชนม์เสียให้สิ้นที่อายใจ |
คิดนิดหนึ่งว่าพี่ได้เลี้ยงมา |
ฟ้าผ่าเถอะหาไม่แล้วที่ไหน |
จะบอกแม่ให้เซ็งแซ่ไป |
ก็จะได้ดูหน้าพี่สายทอง |
เดชะบุญพอวุ่นเด็กก็มา |
ถ้าปะช้าเลยหนึ่งจะถึงสอง |
พูดจามีแต่ว่าไม่ปรองดอง |
เสียแรงพี่เลี้ยงน้องมาใจจาง |
หมายจะแหวะแตระฟันด้วยดาบกรด |
อัปยศตายด้วยดาบทองหลาง |
ยังสั่งซ้ำทำเผื่อเป็นเยื่อยาง |
ว่ากลางคืนวันนี้จะกลับมา |
ว่าพลางทางปิดประตูผาง |
หน้าต่างลิ่มขัดให้แน่นหนา |
มีดถือไว้มือไม่เคลื่อนคลา |
น้องแค้นดังเลือดตาจะหยดย้อย |
วันนี้ถ้ามาแล้วอย่าแคลง |
แม้นมิแทงแล้วจึงว่าอีพิมถ่อย |
ไปจากห้องน้องเถิดอย่าพูดพลอย |
วันนี้คอยยังรุ่งไม่หลับนอน ฯ |
สายทองปลอบน้องอย่าแค้นขึ้ง |
รำพึงดูให้แน่ในใจก่อน |
อันความเสน่หาอาวรณ์ |
ย่อมแรงร้อนรึงรุมกลุ้มในใจ |
เจ้าพลายแก้วก็ยังหนุ่มกำดัดนัก |
จะรั้งรักรอรีที่ไหนได้ |
ซึมซาบอาบเอิบกำราบใจ |
ด้วยยังไม่เคยพบกระสัตรี |
การอายความชายนี้น้อยนัก |
ยอดรักแม่จงฟังคำพี่ |
อันใจหญิงถึงกำหนัดในโลกีย์ |
ก็ยังมีมารยาอยู่ในใจ |
แม่อย่าด่วนควรถือว่าหยาบช้า |
อันเจรจาหาทิ้งที่จริงไม่ |
สัญญาเบื้องหน้ายังว่าไว้ |
แม่จงพิเคราะห์ใคร่ดูเถิดรา |
เจ้าพลายแก้วเป็นชายบริสุทธิ์ |
ผ่องผุดไม่มีที่กังขา |
แม่ก็พรหมจารีศรีโสภา |
แต่รุ่นมาไม่มีใครแผ้วพาน |
พึ่งมาประสบพบพลายแก้ว |
เพียงนี้แล้วฤาจะผลักหักหาญ |
ให้เคล้าคลึงถึงสองไม่ต้องการ |
เป็นมลทินจะประจานอยู่ในใจ |
ถึงได้อื่นมาชื่นอารมณ์เจ้า |
ถ้าพบเก่าจะเอาหน้าไปไว้ไหน |
ชิ้นชั่วจะติดตัวจนตายไป |
แม่อย่าได้ด่วนเด็ดเสียเดียวดาย |
หยุดยกที่วิตกไว้เสียก่อน |
อดนอนพรุ่งนี้จะตื่นสาย |
กลัวท่านแม่คุณจะวุ่นวาย |
เจ้าพลายที่ไหนจะกล้ามา |
นอนเถิดน้องพี่จะไปนอนบ้าง |
ว่าแล้วเยื้องย่างมาเคหา |
ถึงห้องของตัวก็นิทรา |
นางพิมตรึกตรายิ่งตรอมใจ |
โอ้ว่าแก้วแววตาของพิมเอ๋ย |
จะล่วงเลยลืมแล้วฤาไฉน |
ฤาเคืองน้องข้องแค้นระคางใจ |
จึงทิ้งไว้ว้าเหว่อยู่เอกา |
มิรักน้องก็แต่แรกอย่ารักน้อง |
ทำให้หมองแล้วจะเมินไม่มาหา |
ยังจดจำถ้อยคำที่สัญญา |
ว่าจะมาถึงห้องที่พิมนอน |
ยามหนึ่งถึงแล้วพ่อแก้วเอ๋ย |
ไม่มาเลยใจน้องนี้ค่อนค่อน |
แต่นอนตรึกนึกหายิ่งอาวรณ์ |
พระจันทรจรดับก็หลับไป ฯ |