ครานั้นจึงโฉมเจ้าพลายแก้ว |
ไปวัดค่ำแล้วหาบวชไม่ |
คอยดูฤกษ์เวลาจะคลาไคล |
ประมาณได้สักสองยามปลาย |
ดวงเดือนเลื่อนเด่นดาวระยับ |
ยืนขยับเพ่งพิศเมฆฉาย |
ช่วงขาวดุจดาวประกายพราย |
แต่งกายประกอบพร้อมทุกประการ |
พิเคราะห์ดูหลาวเหล็กแลผีหลวง |
ปลอดห่วงดวงใจก็ฮึกหาญ |
สูรย์จันทร์แม่นยำด้วยชำนาญ |
ย่างเท้าก้าวผ่านไปตามทิศ ฯ |
มาถึงบ้านนางพิมหาช้าไม่ |
เสกข้าวสารหว่านไปให้หลับสนิท |
สะเดาะกลอนถอนลั่นทุกชั้นชิด |
ที่บานปิดก็เปิดออกทันใด |
จึงกลิ้งครกเหยียบยืนขึ้นบนเรือน |
ไม่กระเทือนย่องมาหาช้าไม่ |
หมายสำคัญมั่นคงตรงไป |
เข้าในห้องพิมด้วยฉับพลัน |
อัจกลับแสงกระจ่างสว่างห้อง |
มีข้าวของโตกพานทั้งเชี่ยนขัน |
เครื่องแป้งแต่งไว้ดูงามครัน |
อัฒจันทร์สมศักดิ์จำหลักลาย |
คันฉ่องรองรับกระจกส่อง |
เครื่องทองตั้งไว้ดูเฉิดฉาย |
พานหมากเครื่องนากมีมากมาย |
ม่านสายสอดหูแล้วห้อยกาง |
น่ารักปักไหมเอาทองถม |
สวยสมฝีมือพิมงามกระจ่าง |
เป็นเรื่องศิลป์สุริยาเมื่อพานาง |
ข้ามแนวน้ำกว้างก็พลัดกัน |
รัตนานางอุ้มสิงหรัด |
ท่องเที่ยวแถวพนัสพนาสัณฑ์ |
ถึงศาลาดาบสทศธรรม์ |
อภิวันท์วอนว่าพระอาจารย์ |
อาศัยแล้วให้ชุบสิงหรา |
อำลาลุล่วงจากสถาน |
กับพี่น้องสองราชกุมาร |
มาอยู่บ้านตายายค่อยคลายใจ |
ปักพระศิลป์เธอเที่ยวแสวงหา |
จะพบนางรัตนาก็หาไม่ |
จนพลบค่ำย่ำแสงอโณทัย |
อาศัยสวนเจ้าท้าวกุตา |
น้องเอ๋ยกระไรเลยฉลาดล้ำ |
ไม่ชอกช้ำฝีมือเจ้าเหลือหา |
ประจงรูดม่านน้องย่องเยื้องมา |
เปิดมุ้งเห็นหน้าเจ้าพิมนอน |
สนิทหลับรับขวัญเจ้าทั้งหลับ |
ดังยิ้มรับให้พี่รีบมาร่วมหมอน |
โฉมแชล่มแก้มยิ้มพริ้มเพรางอน |
งามเนตรเมื่อเจ้าค้อนพี่ยามชม |
คอคางบางแบบกะทัดรัด |
เล็บยางขาวขัดดูงามสม |
ไม่พร่องบกอกนางอล่างนม |
ค่อยผงมสงวนต้องประคองทรวง |
เลื่อนลดแก้สะกดให้พิมตื่น |
เป่าต้องน้องก็ฟื้นสงบง่วง |
เจ้าอย่าแหนงแคลงจิตว่าพี่ลวง |
ดวงใจแม่จงตื่นขึ้นเถิดรา ฯ |
นางพิมนิ่มนวลนอนสนิท |
กระทั่งนิดก็ฟื้นตื่นผวา |
พลิกกายชายเนตรชำเลืองมา |
เห็นหน้าพลายแก้วแววไว |
คิดพรั่นหวั่นใจชม้ายค้อน |
ดูดู๋กลอนขัดอยู่จู่มาได้ |
นี่เนื้อว่าข่มเหงไม่เกรงใจ |
แต่กลางไร่ไม่สามาถึงเรือน |
แต่เพียงนั้นยังว่าไม่น่าแค้น |
จวนเจียนจักแหล่นจะอายเพื่อน |
รบให้ขอต่อแม่ทำแชเชือน |
กลบเกลื่อนว่ากล่าวให้กลับกลาย |
คิดว่ารักฤาที่หักมาถึงบ้าน |
อย่าสมานเลยข้าแค้นไม่รู้หาย |
แต่ที่ไร่เจ้ายังปล้ำทำให้อาย |
ใยฝ้ายเกลือกคันไปทั้งตัว |
มือหนักชักยื้อทำหยาบหยาม |
งามหน้าน่ารับมาเป็นผัว |
สมสู่อยู่บ้านดีฉันกลัว |
ตัวมิตายก็หลังคงเลือดย้อย |
เพียงจับมือถือแขนก็แสนเจ็บ |
คมเล็บเลือดเหยาะลงเผาะผอย |
แต่หยอกกันสารพันเป็นริ้วรอย |
เชิญถอยไปเสียเถิดไม่ไยดี ฯ |
เจ้างามปลอดยอดรักของพลายแก้ว |
ได้มาแล้วแม่อย่าขับให้กลับหนี |
พี่สู้ตายไม่เสียดายแก่ชีวี |
แก้วพี่อย่าได้พร่ำรำพันความ |
พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ |
จงคลายโกรธแม่อย่าถือว่าหยาบหยาม |
พี่ชมโฉมโลมลูบด้วยใจงาม |
ทรามสวาทดิ้นไปไม่ไยดี |
รอยเล็บแม่จึงเจ็บด้วยจับต้อง |
ติดข้องเพราะเจ้าปัดสลัดพี่ |
ค้อนควักผลักพลิกแล้วหยิกตี |
ถ้อยที่ถูกข่วนแต่ล้วนเล็บ |
ติดตามมาด้วยความพี่รักน้อง |
กลัวจะหมองต้องเนื้อเจ้าจะเจ็บ |
ไหนผืนผ้ามาพี่จะชุนเย็บ |
ที่ตะเข็บขาดไปจะให้ดี |
ขอพี่ดูชูมือมาสักหน่อย |
เจ็บน้อยฤามากกว่าแขนพี่ |
จับจูบลูบแผลที่ไหนมี |
เย้ายีหยอกยั่วให้ยวนใจ ฯ |
นี่ใครวอนให้มาถามฤา |
ถึงเจ็บมือก็หาเชิญเจ้ามาไม่ |
จะดูแลแผลน้องไปทำไม |
ใครเจ็บก็ใครรักษาตัว |
มาจับมือถือแขนเอาง่ายง่าย |
ไม่มีอายทำเล่นเช่นเมียผัว |
ที่นี่เรือนมิใช่ไร่ข้าไม่กลัว |
ถึงดีชั่วเพื่อนบ้านพยานมี |
ยังเซ้าซี้มิไปให้พ้นห้อง |
มาจู้จี้นี้ก็ร้องให้อึงมี่ |
ไม่วางแขนแค้นใจใช่พอดี |
จะทำทีเหมือนที่ไร่ไม่ได้แล้ว ฯ |
ไม่เมตตาก็ฆ่าเสียเถิดน้อง |
กระทุ้งห้องร้องไปให้แจ้วแจ้ว |
จงเอามีดมากรีดให้เป็นแนว |
อย่านึกเลยพลายแก้วจะกลัวตาย |
อึงแซ่หม่อมแม่จะมาจับ |
ผิดก็ยับอยู่กับที่ไม่หนีหาย |
จะกอดพิมนิ่มนางไม่ห่างกาย |
ตามแต่สายสุดสวาทจะปรานี |
ว่าพลางทางกอดกระหวัดรัด |
อย่าสะบัดเลยไม่พ้นฝีมือพี่ |
ทั้งสองแก้มแย้มยวนให้ยินดี |
ขอจูบทีเถิดเจ้าจงเมตตา ฯ |
ประเดี๋ยวจับประเดี๋ยวจูบเฝ้าลูบชม |
แก้มกับนมนี่เจ้าซื้อมาฤาขา |
ทำเล่นเป็นเหมือนเชลยมา |
ฟ้าผ่าเถอะไม่ยั้งไม่ฟังกัน |
จะหยิกเท่าไรก็ไม่เจ็บ |
ฉวยเล็บมาจะหักให้สะบั้น |
อุยหน่าอย่าทำที่สำคัญ |
ฟาดฟันเอาเถิดไม่น้อยใจ |
ทำเล็บหักเหมือนไม่รักพี่จริงจัง |
ถึงเงินชั่งหนึ่งหารักเท่าเล็บไม่ |
เข้าชิดสะกิดพิมยิ้มละไม |
อุ้มแอบอกไว้ด้วยปรีดา |
เอนอิงพิงประทับลงกับหมอน |
สะอื้นอ้อนอ่อนแอบลงแนบหน้า |
กระเดือกเสือกสิ้นอยู่ไปมา |
เกิดมหาเมฆมืดโพยมบน |
ฮือฮืออื้อเสียงพยุพัด |
กลิ้งกลัดเกลื่อนกลุ้มชอุ่มฝน |
เป็นห่าแรกแตกพยับโพยมบน |
ไม่ทานทนทั่วกระทั่งทั้งแดนไตร ฯ |
ครานั้นนางพิมนิ่มนวล |
ยียวนด้วยความพิสมัย |
เสนหารึงรุมกลุ้มใจ |
สนิทแนบหน้าในที่นอนนาง |
พัดวีวอนพลอดแล้วกอดแก้ว |
ไม่คลาดแคล้วเคลื่อนคลาไปห่างข้าง |
ซับเหงื่อด้วยเนื้อสไบบาง |
กระแจะจวงจันทน์นางละลายทา |
ของหวานวอนให้เจ้าแก้วกิน |
คอยประคิ่นโต๊ะตั้งทั้งซ้ายขวา |
ให้หมากพลูบุหรี่ด้วยปรีดา |
แล้วซุบซิบสนทนาเสนาะใน |
ถ้อยทีถ้อยมีเสนหา |
กำเริบรสกามาหมื่นไหม้ |
ฟักฟูมอุ้มแอบด้วยอาลัย |
ต่างมิใคร่จะสนิทนิทรา |
พระจันทร์แจ่มกระจ่างนภากาศ |
เทวราชเร่งราชรถา |
สถิตในทิพรัตน์ลีลามา |
อับแสงดาราดิเรกราย |
สกุณากาไก่สนั่นก้อง |
น้ำค้างต้องบุปผชาติแย้มขยาย |
แมลงภู่เคล้าเกสรขจรจาย |
พระสุริย์ฉายเร่งรีบรถทะยาน |
เผยอแย้มแจ่มกระจ่างสว่างทิศ |
สะดุ้งจิตกล่าวเกลี้ยงด้วยคำหวาน |
จะลาพิมนิ่มสนิทคิดรำคาญ |
ปิ้มปานจะตายจากพรากพิมไป |
พอค่ำย่ำแสงสุริยา |
พี่จะมามั่นคงอย่าสงสัย |
ค่อยอยู่เถิดแก้วตาจะลาไป |
ใจพี่นี้จะขาดลงรอนรอน ฯ |