และนี่เป็นเรื่องราวที่ถอดคำประพันธ์แล้วของตอน "พลายแก้วเป็นชู้กับนางพิม"

กล่าวถึงเณรแก้ว พอสว่างยังไม่หายคิดถึงเจ้าพิมจัดแจงล้างหน้านุ่งสบงห่มจีวรฉับพลัน แล้วคว้าบาตรเที่ยวบิณฑบาตตามตรอกตามซอกค้นดูจนทั่ว ไม่นานก็ถึงบ้านท่าพี่เลี้ยงเห็นม้าใส่บาตรตั้งอยู่ไม่มีใครก็หยุดสำรวมใจดูทีอยู่ จะใช่บ้านเจ้าพิมหรือไม่ยังไม่รู้

ทีนั้นพิมพิลาไลยกับสายทองพี่น้อง จัดแจงข้าวปลาอาหารอยู่ในห้องจะใส่บาตร ไม่เห็นมีพระสงฆ์องค์เจ้าใดมาเปิดหน้าต่างมองดูเห็นเจ้าเณรยืนนิ่งอยู่ไม่เงยหน้า สีผ้ากาสาวพัสตร์จับเนื้อนวลดังจันทร์ ก็ประหลาดใจนักทั้งเกิดหัวใจปั่นป่วนพิกลอยู่จึงห่มผ้าคว้าขันข้าวจะมาใส่บาตรกับสายทอง เปิดประตูเดินอาด ๆ มาพอดีเณรพลายได้ยินเสียงก็เงยหน้า เจ้าพิมปะสายตาเข้าก็รู้ว่าเณรแก้ว หลบสายทองเข้าข้างหลังแล้วร้องว่า ไฮ้ไม่เอาล่ะพี่สายทองฉันอายเณรแก้ว ว่าแล้วเจ้าพิมก็ส่งขันข้าวให้ สายทองขยับยิ้มแล้วรับขันข้าว พิมเจ้าหลบเหลื่อมเข้าแอบฝา เณรแก้วเห็นเช่นนั้นก็ร่ายมนต์มหาละลวยบันดาลให้เจ้าพิมยืนยิ้มปิ่มว่าจะแล่นลงไปหา

สายทองอุ้มขันข้าวมาถึงพลันยกมือไหว้ เจ้าเณรแก้วลดบาตรลงแล้วว่า ฉันอุตส่าห์มาบิณฑบาตจนถึงที่นี่ไม่ยอมรับบ้านอื่นก็เพราะสังเกตเห็นเทศน์เมื่อวานนี้เจ้ากัณฑ์หนีไม่ทราบว่าแค้นเคืองข้าด้วยเรื่องอันใดใคร่จะสนทนาไต่ถามด้วย สายทองใส่บาตรพลางว่าถ้าพ่อเณรว่างพ้นเพลแล้วนิมนต์มาบ้านบ้างจะได้สนทนากัน เมื่อสายทองใส่บาตรแล้วเจ้าเณรแก้วจะพิรี้พิไรอยู่ก็ไม่สู้ดีจึงออกจากบ้าน แต่ตาเหลือบขึ้นไปบนบ้านเพื่อจะดูเจ้าพิม นิ่มน้องโผล่หน้าต่างเห็นเจ้าเณรแก้วกอดบาตรทำเป็นปริศนาอยู่ก็รู้ว่าเจ้าเณรบอกความในใจจึงหลบหน้าเข้ามายิ้มอยู่ในห้อง เณรแก้วเดินพลางคิดถึงเจ้าพิมพลางยิ่งไกลออกมาก็ยิ่งพะว้าพะวังยิ่งขึ้นเหลียวหลังดูบ่อย ๆ มาถึงวัดป่าเลไลยฉันเช้าแล้วก็เข้าที่นอนครวญถึงแต่เจ้าพิมมิรู้สร่าง

ฝ่ายเจ้าพิมเล่าใจคอไม่ปรกติเห็นสายทองใส่บาตร ทำอ้อยอิ่งอยากรู้ว่าอย่างไรก็เร่งสายทองให้เข้าไปในห้องนอนแล้วกระซิบถามว่า เห็นใส่บาตรอยู่นานทำปากประหงับ ๆ กับเจ้าเณรแก้วคุยอะไรกันเหรอจ๊ะพี่ สายทองว่าพี่พูดอะไรเมื่อไรเล่า ไปกินข้าวเสียเถอะนี่ก็ตะวันสายแล้วจะได้ปั่นฝ้ายบ่าย ๆ พี่จะพาไปอาบน้ำ เจ้าพิมค้อนให้พี่แล้วว่าฉันไม่อยากกิน ถ้าพี่ไม่บอกจะเซ้าซี้ให้วันยันค่ำทีเดียว เห็นพูดกันมุบมิบ ๆ แล้วยังว่าไม่ได้พูดอีก เพียงแค่นี้ยังอำไม่บอกกันแล้วเรื่องยิ่งกว่านี้พี่คงไม่บอกน้องแน่ เจ้าสายทองยิ้มพลางทางว่า เอเจ้าพิมนี่มาว่าพี่อยู่ปาว ๆ ฉันไปพูดกับเณรแก้วที่ไหนอย่างไรเล่า เพียงเณรบอกว่าจากวัดป่ามาที่นี่ไกลใส่บาตรแล้วก็กลับไปเท่านั้น แม้กระนั้นเจ้าพิมก็ยังไม่หายข้องใจตะบึงตะบอนเอาสายทองแล้วก็ลุกเดินปึง ๆ เข้าไปกินข้าวแต่คนเดียว

เมื่อกินข้าวอิ่มแล้วเจ้าพิมยังไม่หายขุ่นข้องหมองใจ หยิบไนเข้าไปปั่นด้ายอยู่ในห้องพอบ่ายสองโมงก็เสร็จ สายทองก็ว่าพิมจ๋าไปเถิดรีบไปอาบน้ำกัน พิมว่าฉันไม่ไปจะทำไม สายทองเห็นน้องยังตะบึงตะบอนอยู่ก็ตรงเข้ามาปลอบแล้วกระซิบที่หูว่า ไปเถอะน่าน้องไปถึงตีนท่าพี่จะบอกอะไรให้ เจ้าพิมได้ยินก็ใจเต้นระทึกแต่ยังไม่หายงอนค้อนพี่แล้วว่าจะบอกฉันทำไม รู้อะไรก็เก็บเอาไว้คนเดียวเถิด สายทองร้องว่าอะไรนะเจ้าพิมข้ายิ่งร้อนอยู่อย่ามาทำงอนนะ เออแปลกแท้ ๆ ทีเดียว นี่เจ้าเณรแก้วเกี้ยวกูเข้าแล้วหรือไงไม่ไปก็อย่าไป ว่าแล้วสายทองก็ออกจากบ้านพร้อมด้วยบ่าวไพร่มี อีไทย อีพรม อีส้มแป้นและอีแตนไปถึงท่าก็อาบน้ำเล่นซ่อนหากันอยู่อึงไป

ฝ่ายเณรแก้วพอตะวันบ่ายคะเนว่าป่านนี้พิมน้อยจะลงอาบน้ำตามที่สายทองได้ทำสัญญาไว้ก็รีบห่มผ้ารีบไปสุพรรณทันที ไปถึงก็ลงไปที่ท่าน้ำเข้าแอบซุ่มพุ่มไม้โดยไม่ให้ใครเห็น พอดีสายทองกำลังถูตัวอยู่ริมตลิ่งจึงเอาดินก้อนเล็ก ๆ ขว้างไปแล้วกระแอมให้เสียงพยักหน้า สายทองรู้ทีย่องมาหาแล้วหลบไปที่ลับตาคนมานั่งที่ใต้ต้นโศกใหญ่แล้วเณรแก้วก็เอ่ยขึ้นว่า

ขออภัยเถิดพี่สายทองจ๋า อย่าหาว่าข้านี้อาจหาญเกินไปเลยแต่หัวใจมันช่างร้อนรนสุดที่จะอดกลั้นได้แล้ว มาพบพี่ก็อยากจะขอร้องพี่ให้ช่วยเหลือชีวิตของน้องเปรียบเหมือนอยู่ในกำมือของพี่ ถ้าพี่ไม่ช่วยก็เห็นจะไม่รอดแน่ ทุกวันนี้เณรน้องจะเปรียบก็เหมือนกระต่ายที่คอยเฝ้าแต่ชมจันทร์ สักเมื่อไรจะได้ชมสักทีคอยจรผ่ายผอมตรอมใจอยู่แล้ว พี่สายทองช่วยน้องด้วยเถิด ถ้าได้จันทร์มาเคียงข้างกระต่ายแล้วเณรน้อยจะไม่ลืมพี่สายทองเลย จะโอบอุ้มอุปถัมภ์ไปจนกว่าจะตายทีเดียว จำคำของเณรน้องไว้เถิด

เจ้าสายทองได้ยินเณรแก้วว่าแล้วก็เมินหน้าเสียแล้วว่า เรื่องพรรค์นี้ไม่อยากฟังดีไม่ดีก็จะพาสายทองหลังลายไปเปล่า ๆ เรื่องเป็นแม่ชักแม่สื่อข้าไม่เคยถ้าจะหมายเชยคราวนี้ก็เห็นจะชวดเสียแล้วข้าไม่กล้าที่จะไปพูดไปชักปะพลาดท่าพลั้งไปเจ้าขุนมูลนายรู้ ข้าก็คงจะยับไปกับหวายเป็นแน่ ส่วนพ่อเณรสิก็คงลอยชายสบายไป อย่ามายุ่งกับข้าเลยข้าไม่ใช่คนสำหรับพ่อเณรพลายจะวานได้ เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งกระดูกจะมาแขวนคอก็ตัวข้านี่แล้ว ถ้าเจ้าได้พิมก็ดีกันไปแต่สายทองสิไม่พ้นคนจะกล่าวแช่งเหมือนตีงูให้กากิน อย่าเลยพ่อเณรเอ๋ยกลับวัดไปเสียเถิด

เจ้าเณรแก้วก็ว่า โธ่พี่สายทองจ๋าไม่เวทนาเณรน้องบ้างหรือ น้องสิรักพี่แต่พี่สายทองกลับมาทิ้งน้องเสียกลางคัน เด็ดปลียังมีซึ่งเยื่อใย ไฉนพี่สายทองจะมาทิ้งขว้างฉัน ไม่มีเมตตา ถ้าน้องได้พิมแล้วจะทิ้งพี่นั้นไม่มีเสียละ เปรียบเหมือนหว่านข้าวลงในนาถึงหารฝนฟ้าจะแล้งข้าวจะแห้งกรอบก็ใช่ว่าจะสูญสิ้นเสียหมด ชั้นชั่วถึงตัวไม่ได้กินแต่นกหกก็ยังได้เป็นทาน ถ้าพี่สายทองทำบุญคุณให้แก่ฉัน ฉันหรือจะลืมพี่ได้ อยู่บ้านเดียวกันฉันจะยกพี่ให้เสมอพิมทีเดียว เงินทองของกินทั้งหมดจะแบ่งให้พี่คนละครึ่ง ปรานีน้องเถิดนะพี่สายทองค่ำนี้พี่จงสนทนาพรุ่งนี้น้องมาบิณฑบาตจะคอยฟัง

เจ้าสายทองก็ว่า เจ้าเณรเอยเจ้ารักจริงหรือแกล้งลองรักดูช่างติดสินบาดคาดสินบนนัก ถ้าจริงอย่างว่าแล้วก็มายื่นหมูยื่นแมวกันให้แน่นอน รักษาสัตย์ไว้ให้เหมือนปากอย่าได้ผิดถ้อยคำสัญญาเป็นอันขาด เมื่อปรารถนาแล้วก็จะช่วยพูดให้พรุ่งนี้จงมาฟังดูก็แล้วกัน เณรแก้วดีใจยิ่งนักรีบกลับวัด ส่วนสายทองมาถึงตีนท่าแล้วเรียกบ่าวไพร่ขึ้นจากน้ำเข้าบ้านไป