ครั้นรุ่งแจ้งแสงทองส่องฟ้า เสียงนกกาออกหากินบินว่อนทั้งพระพายชายพัดส่งกลิ่นหอมของดอกไม้มาอ่อน เจ้าเณรน้อยลืมตาขึ้นก็หวนคนึงถึงพิม นิ่งช้าอยู่จะไม่เข้าทีจึงรีบล้างหน้านุ่งสบงห่มดองครองผ้าคว้าบาตรแล้วก็ย่างลงบันไดมุ่งหน้า พอถึงบ้านพิมก็สำรวมกิริยาบริกรรมหวังจะให้พิมนั้นลงมา

ฝ่ายพิมกับสายทองอยู่ในห้องจัดแจงอาหาร เพื่อจะไปใส่บาตรทั้งบุหรี่หมากพลู ครบสิ้นอุตส่าห์ซ่อนกลัวแม่จะเห็นทำพลางก็บ่นพลางว่าเหตุใดเณรพลายจึงช้ากว่าทุกวัน พอเปิดหน้าต่างก็เห็นเณรแก้วยืนสำรวมอยู่พิมหลบเข้าหลังสายทองแล้วว่า พี่จ๋าไม่เอาแล้วดูเณรแก้วซิสำรวมราวกับว่าเป็นขรัวตาน้องกลัว สายทองหัวเราะกับน้องแล้วว่าอย่ามัวช้าเลยมาเถิดลงไปด้วยกัน พิมประคองขันหลบหลังเจ้าสายทองเป็นพัลวันในใจนั้นให้นึกพรั่นประหวั่นวิตก พอถึงก็วางขันลงนั่งไหว้ไม่กล้ามองหน้าเจ้าเณรแก้ว ครั้นแล้วก็เทข้าวบุหรี่ใส่ปนปลาทั้งหมากพลูแล้วรีบก้าวขึ้นบันไดหนีด้วยความอาย มาถึงหอนั่งก็บังประตูแอบดูอยู่ สายทองเห็นไม่มีใครก็กระซิบกับเณรแก้วว่า บ่ายนี้จะพาพิมน้องไปไร่รีบไปวัดกลับมาไว ๆ ไหนเล่าก็เอาเงินมาหรือเปล่า

เณรแก้วยิ้มเอาแล้วว่า พี่สายทองฉันไม่ลืมคำหรอกที่ให้สัญญาไว้ สำเร็จไร่ฝ้ายเมื่อไรจะแทนคุณ ถ้ามิให้ก็ยอมให้พี่สายทองไปร้องตะโกนที่กุฎี ข้าเองก็บวชเรียนหวังจะเอาบุญรับศีลถือสัตย์แล้วจะกลับคำได้อย่างไร อยู่เถิดพี่ฉันจะลาไปก่อนแล้วจะย้อนไปไร่ฝ้ายมิให้เกินบ่ายได

เมื่อเณรแก้วกลับวัดแล้ว พิมกับสายทองก็รีบกินข้าวกินปลา เสร็จแล้วก็ว่ากับศรีประจันผู้มารดาว่า วันนี้ลูกจะไปไร่ฝ้ายเหนือได้ทราบว่าฝ้ายแตกกระจายอยู่เป็นอันมากจะไว้ใจอีพวกทาสหรือก็หาได้ความไม่ ซ้ำข่าวว่ามันลักไปจำแนกแจกจ่ายกันอยู่ว่ามันหรือก็จับไม่มั่นคั้นไม่ตาย ศรีประจันฟังลูกว่าหารู้เป็นอุบายไม่หากแต่เข้าใจว่าเป็นจริงก็ร้องตะโกนด่าอีพวกไพร่อยู่เปิง ๆ อีพวกขี้ฉ้อตอแหลลักฝ้ายของกู นี่ดีแต่ลูกกูละเอียดลออหาไม่แล้วทรัพย์สมบัติคงถูกมันทำป่นปี้ ลูกเอยจับได้เอาไม้กระบองเพ่นกระบาลมันให้เป็นเสี่ยง ๆ ไป ให้มันร้องจ๊ากเหมือนเจ๊กขายหมูร้องอยู่โวย ๆ ทีเดียว

พิมพิลาไลยกับสายทองสบตากัน แล้วร้องตะโกนสั่งไพร่อยู่โหวกเหวกแบกกระบุงถุงตะกร้าลงบันไดไปยังไร่ฝ้าย มาถึงก็หยุดอยู่ที่พุ่มกระทุ่มใหญ่ร้องบอกพวกไพร่ว่ารีบไปเก็บฝ้ายให้จงดี บ่ายสี่โมงกูกู่จึงค่อยกลับมา บรรดาไพร่ทาสสีมีอีเม้า อีเต่าหับ อีพลับเทศ อีตานเปรต อีควาย ฟังนายว่าก็ฉวยกระบุงแบกตะกร้าร้องเพลงปรยไก่พลางเก็บฝ้ายพลาง

ฝ่ายเณรแก้วพอเพลแล้วก็เลี่ยงลงมาข้างล่างเข้าไปในวิหารนิมนต์หลวงตามีมาแล้วว่าข้าอยากจะลาสึกไปสักพัก กลับมาแล้วชีต้นช่วยบวชให้ข้าใหม่ ชีต้นมีก็ว่ามีอะไรหวาเจ้าออแก้ว แต่ดีแล้วเองไม่ทำให้ช้ำผ้าเหลือง กูจะช่วยสึกให้ ว่าแต่ขากลับมึงอย่าลืมเอาหมากพลูบุหรี่มาฝากกูมั่งก็แล้วกัน เจ้าเณรแก้วลาสึกแล้วก็ลอบออกจากวัดป่าเลไลยมุ่งไปไร่ฝ้ายแอบมองเห็นสายทองผู้เป็นพี่นั่งอยู่ ก็ร้องทักไปว่ามานานแล้วหรือพี่สายทอง เจ้าสายทองยิ้มแล้วว่าเหลียวเขม้นไม่เห็นหน้านึกว่าไม่มาเสียแล้วมาคอยแต่กินข้าวเช้า นี่ขืนช้าหน่อยเป็นไม่ได้พบกัน อยู่ตรงนี้ไม่ได้ไกลหนทางจงไปแอบซ่อนที่พุ่มกระทุ่มต่ำเป็นสำคัญจะพาพิมไป

ว่าแล้วนางสายทองก็หายลับไป เจ้าพลายแก้วย่องไปที่กระทุ่มต่ำ เลาะลัดไปครู่เดียวก็ปะเอาเจ้าพิมนั่งร้อยบุปผาชาติอยู่ พิศดูโฉมแล้วน่าประโลมรักเสียหนักหนา จะดูไหนก็วิไลลออตาเปล่งปลั่งราวกับนางฟ้าลอยมาชม เจ้าเณรแก้วตะลึงลานอยู่ครู่หนึ่งครั้นจะออกปากไปหรือก็ยังปากสั่นประหวั่นจิต ยืนนิ่งตะลึงคิดอยู่ครู่ ครั้นแล้วก็ข่มใจตรงเข้าไปนั่งใกล้ทักเจ้าพิม

มาปะเอาเจ้าเณรสองต่อสอง พิมน้องตัวแข็งด้วยความอาย มือสั่นก้มหน้านิ่งอยู่ เจ้าเณรแก้วเอ่ยขึ้นว่า พิมจ๋ามาจากบ้านนานแล้วหรือ อนิจจาออกมาเก็บฝ้ายกับบ่าวไพร่ไม่น่าจะต้องมาต้องแดดทำให้เสียนวลเลย นี่ก็ลมชายแดดกล้าทั้งไกลจากบ้านอยู่ พิมของพี่ช่างดีเสียนี่กระไรมิได้คิดถึงความเหน็ดเหนื่อย พี่ติดตามพิมมาด้ายความรักแท้ ๆ พี่สายทองบอกความนี้กับพิมบ้างหรือเปล่า ไม่ว่ายามใดจะนอนจะกินก็คิดถึงพิมอยู่ทุกเวลา ยิ่งวันเทศน์นั้นด้วยแล้วก็ยิ่งอาลัยมิรู้สร่าง พิมจะไม่เมตตาพี่บ้างหรืออย่างไร

แม้ใจตระหนักอยู่ว่ารักเขาแล้ว พิมน้อยก็ไม่อาจจะเอ่ยคำใดได้ ทั้งขวยเขินเมินหน้าซ้ำกระเถิบถอยห่างเมื่อเห็นเจ้าเณรแก้วกระเถิบเข้ามาใกล้เพียงแต่ชายตามองดูแล้วสะท้อนใจ

เจ้าเณรแก้วพูดเสียทีแล้วก็ชักย่ามพรรณนาต่อไปว่า ไม่พูดกับพี่เลยเห็นพี่เป็นอย่างใดไปหรือ แม่จงใคร่ครวญดูแต่เก่าก่อน เราสองก็หาใช่คนอื่นไกลไม่ เคยรู้จักกันมาไม่ยิ่งกว่านั้นไซร้เรายังเคยได้เล่นร่วมกันเมื่อเด็ก ๆ จำไม่ได้หรือเมื่อเล่นปลูกหอกัน พี่พาเจ้าหนีขุนช้างมันตามมารบพี่พลั้งตีถูกเจ้าจนร้องไห้ แก้วตาของพี่อย่ามาสะเทิ้นเมินอายด้วยเรื่องอันใด เสียแรงพี่สั่งไว้กับเจ้าสายทอง

ฟังเจ้าเณรแก้วว่าเห็นจริงทุกสิ่งทุกอย่าง เหลียวดูหน้าเจ้าพลายแก้วยังจำได้แม้กระทั่งเสียง พิมน้อยก็ค่อยหายประหวั่นพรั่นใจ จึงว่าฉันลืมพี่ไปจริง ๆ มิได้คิดว่าจากกันไปแล้วจะได้พบกันอีก เมื่อวันเทศน์น้องจะทักหรือก็กระดากเพราะเป็นหญิง ส่วนน้ำใจแล้วหาได้เกลียดชังอะไรไม่ เกรงไปว่าถ้าพลาดท่าพลั้งไปดีไม่ดีคนก็จะนินทาซึ่งสั่งพี่สายทองมาว่าไม่ทักนั้นโกรธน้องหรือจึงพ้อเอาต่อหน้า บวชอยู่เมื่อเช้านี้สึกออกมาทำไมจึงไถลมาถึงไร่ หรือว่าพากเพียรเรียนวิชาจนจบสิ้นจะสึกหาไปบ้านช่องเมืองกาญจน์ หรือว่าพานรักพี่สายทองอยู่ที่ต้นมะต้องต้นใหญ่นั้นพี่ไปดูเถิด

เสียงของน้องเจ้านั้นก็เพราะเสนาะหูอยู่ ครั้นมาได้ยินว่าเจ้าไปเรรวน เจ้าแก้วก็ว่า พี่หนีสึกมาก็เกรงไปว่า จะมีมลทินแก่ผ้าเหลือง เรื่องต้นมะต้องนั้นไม่ต้องกล่าวถึงดอก เจ้าก็รู้แล้วไม่ใช่หรือว่าพี่มานี่ก็เพื่อมาพบพิม เป็นกุศลแต่ปางหลังที่ดลใจให้พี่กลับมาสุพรรณอีกครั้งหนึ่งหลังจากต้องระเห็จระเหินไปแต่เล็ก ๆ ครั้นมาพบพิมสิเล่าเจ้าไม่ทัก จะออกปากฝากรักหรือก็ไม่กล้า นี่ดีต่อพบสายทองมีท่าจึงได้เจรจาฝากคำ มาวันนี้เหมาะนักเราอยู่สองต่อสองจะมอบไมตรีให้เจ้าไว้ ใช่ว่าพี่จะเสแสร้งแกล้งกล่าวแต่คำหวาน ถ้าได้เจ้ามาไว้เป็นคู่ครองจะรักเจ้าไม่จืดจาง

เจ้าพิมว่าดูดู๋มาคิดอกุศลให้ดลจิตคิดทำลายน้อง เป็นเพื่อนอยู่ก็ดีแล้วไหงมาไพล่จะเป็นชู้ พูดอย่างนี้จะดีที่ไหนเจ้าพลายแก้วทีหน้าทีหลังอย่าได้มาเจรจาอีก นั่งอยู่ช้าไยเจรจาพอรู้ความแล้วก็กลับไปเสียเถิดพวกบ่าวไพร่มาจะพากันหลังลาย

เจ้าพลายแก้วก็ว่าพิมเอ๋ยถ้าพี่ผิดคิดมิชอบจะคิดใหม่ นั่งลงก่อนซีจะรีบไปไหนพี่มิได้แกล้งแต่งคำมาล่อลวงหรอก อันจริงแล้วพี่รักเจ้าเทียมเท่าชีวาก็ว่าได้ เชิญหันหน้ามาทางนี้เถอะ จะมีเจ้าเท่านั้นที่จะช่วยรักษาให้หายจากไข้หนัก

ฟังว่าเจ้าพิมก็ว่าไป พี่แก้วนั้นช่างพูดช่างเจรจานักเขาว่าคนเรามักจะพูดรักด้วยคำง่าย ๆ อันผู้ชายนั้นเชื่อยากปากอย่างใจอย่าง ใครไม่รู้ก็จะหลงเชื่อด้วยคำลวง นี่คิดดีแล้วหรือจึงมาเจรจาเอาฉอด ๆ แต่แรกก็ว่ารักเทียมเท่าชีวาอุตส่าห์บุกป่าฝ่าดงมา อันมนุษย์นั้นสุดแสนจะเชื่อแล้วเหมือนของกินมีเปรี้ยวแล้วก็ต้องมีเค็ม ต้มแกงหวานมันอร่อยถ้าซ้ำซากอยู่นานไปมันก็เบื่อหน่าย ผู้ชายก็ฉันนั้นเพียงแต่ต้มแกงยังเป็นไปได้ นับประสาอะไรกับประเวณีมีแต่กำเริบใจให้หมายมั่นมุ่งแต่ใหม่ ๆ จะอุปมาก็เหมือนผ้านุ่งได้ใหม่ก็นิยมชมชื่นว่าสวยงาม ครั้นยามขัดสนมิได้มีผ้าอื่นมาพันกายนุ่งซ้ำซากจนลายหายก็สิ้นสวย พอได้ใหม่สิทำสำรวยอวดร่างว่าฉุยฉาย เป็นสองผืนสามผืนไปจะเปรียบรักก็เช่นกันพอเก่าแก่นานวันมีแต่แหนงหน่าย ลงขนาดเป็นผ้าชุบอาบแล้วไซร้ก็มีแต่จะซักฟาดจนขาดวิ่น ถึงแม้จะเย็บตะเข็บประสานจานเจือก็ไม่เหมือนดังเนื้อเดิม หญิงชายครั้งแรกก็ว่าจะตายแทนกันได้ แต่ที่ไหนเพียงแต่ลิ้นกับฟันก็ยังกระทบกันอยู่ ที่พี่แก้วมาพรรณนานั้นก็คิดเอ็นดูอยู่ใช่ว่าจะตัดรอนมิไว้ใย

แต่การอันใดมิพึ่งผู้ใหญ่คนสามเท้าแล้วก็แย่นัก หากพลาดผิดพลั้งรักไปใครจะนิยมว่าตัวดี ถ้าพี่มีไมตรีหมายมั่นต่อน้องจริงก็สู่ขอยอดหญิงต่อมารดา น้องจะมิพักต้องว่าจะยอมมอบกายถวายสิ้น หากชายอื่นในแดนดินมาข้องเกี่ยว จะมิวุ่นวายจะขืนใจมารดามาตรจะฆ่าฟันก็ตามทีเถิด แต่การจะทำชู้สู่สาวในกลางไร่ผิดความชั่วระเบือไปก็มีแต่จะเสื่อมเสีย อย่ามาทำเซ้าซี้อยู่ร่ำไร ถ้ารักจริงเห็นใจก็รีบกลับไปเสียเถิด ถ้าพวกบ่าวไพร่มาเห็นเข้าจะยุ่งใหญ่ พ่อเห็นควรฤกษ์ใดมาสู่ขอ

เจ้าพลายแก้วกระเถิบเข้าใกล้แล้วว่า พิมเอ๋ยกระไรเลยมาไล่พี่เหมือนไม่มีไมตรีรัก อันการสู่ขอนั้นใช่ว่าพี่มิได้นำพา หากแต่ไม่แน่ว่ามารดาน้องมิปรองดองจะทำอย่างไรกัน รักก็นับพลันแต่จะห่างเหิน น้องเล่าก็คงเมินหน้าไม่ทักทาย ถ้ามั่นใจหมายรักเจ้าแก้วแล้วก็อย่าสลัดปัดไมตรี พี่ขอฝากดวงใจไว้กับเจ้าเพียงครั้งเดียว อันเจ้ามาเปรียบเทียบกับจิตใจของมนุษย์ ไม่สิ้นสุดความโลภเหมือนของกิน นั้นจริงแลแต่ของอื่นหมื่นแสนแม้นจะอร่อยรสก็ย่อมเอาข้าวนั้นแลเป็นต้นตั้ง จะเปรียบผ้าเก่าทุเรศน่าชังแต่ถ้าเป็นยกทองต้องตาก็หาเหมาะแก่การขว้างทิ้ง เพราะแพงราคาเก่าก็ต้องอุตส่าห์ไว้เชยชมประจงใส่หีบถนอมไว้ หากมีการงานใด ๆ จงได้สวมใส่ให้เป็นที่นิยมของฝูงชน อันผ้าใหม่ถึงจะได้มามากก็นุ่งลากนุ่งถูหาเหมือนผ้าเก่าไม่ พิมเอย นี่ตะวันก็บ่ายชายคล้อยแล้วน้องแก้วจะมาหวงอยู่ไยให้พี่ได้เชยชมให้สมรักสักหน่อยเถิด

พลางเจ้าแก้วก็ฉวยชักฉุดคว้าสไบพลางว่า นี่เจ้าซื้อมาแต่เมื่อไรหรือ เจ้าพิมนิ่มน้องเห็นเจ้าหนุ่มปากว่ามือถึงเช่นนั้น ก็ปัดชายสไบแล้วว่า อย่ามาชมเลยจ้าสไบของแม่ให้ ดูซิมาทำและเลียมข่มเหง อย่านะเออไม่เข้าการ ถ้ารักน้องไยมาปองผลาญน้องเช่นนี้ นี่กลางหนทางวางมือเสีย นี่หรือว่ารักคงจะเป็นรักหลอกดอกกระมังเจ้าจึงได้รุกรานเอาไม่เกรงใจ เหมือนข้าวดิบจะหยิบเข้าใส่ปากมันไม่อร่อยดอกหนาจะบอกให้ ถ้าขืนทำแล้วเป็นได้ขัดใจกัน

เจ้าแก้วก็ออดว่า โธ่พิมเอย พึ่งครั้งแรกมาฝากรักพิมก็ยังคิดจะหักบัวไม่ไว้ใย จงเงือดงดอดโทษให้พี่เถิดเพราะพี่รักพิมจนหลงใหลจึงอดใจไว้ไม่อยู่ พลางปากว่ามือก็ไขว่คว้ามิหยุดหย่อนฉวยสไบฉุดกรอยู่วุ่นวาย

งดโทษพี่เถิดเจ้าจงเอาบุญ

อย่าเคืองขุ่นคั่งแค้นเฝ้าแหนหวง

นมเจ้างอนงามปลั่งดังเงินยวง

ประโลมล่วงน้องหน่อยอย่าน้อยใจ

พลางกอดน้องขึ้นประคองขึ้นบนตัก

จะแพลงผลักพลิกเลื่อนลงไปไหน

แล้วเปลื้องปลดลดชายให้คลายใจ

นางฉวยฉุดยุดไว้ไม่วางมือ ฯ

เห็นเจ้าเณรแก้ววุ่นวายเอาตามใจตัวเองเช่นก็ว่า

อนิจจาว่าแล้วหาฟังไม่

จะฆ่าพิมเสียที่ไร่นี่แล้วฤา

รักน้องกลางหนให้คนลือ

อย่างนี้น้องไม่ถือว่ารักน้อง

โดยชั่วถึงตัวมิได้แต่ง

ก็จัดแจงน้องนี้มีหอห้อง

พอควรการแล้วฉันจะปรองดอง

มิให้ข้องขัดเคืองกระเดื่องใจ

ตัวน้องมิใช่ของอันเคยขาย

จะเรียงรายกลางหนหาควรไม่

พิเคราะห็ให้เหมาะก่อนเป็นไร

กลับไปเถิดพ่อแก้วผู้แววตา

อดข้าวดอกนะเจ้าชีวาวาย

ไม่ตายดอกเพราะอดเสน่หา

นางก้มอยู่กับตักซบพักตรา

เฝ้าวอนว่าไหว้พลางพ่อวางพิม ฯ

เจ้าเณรแก้วผู้คลั่งรักประคองลูบจูบผม แล้วเชยหน้าขึ้นมองดู เห็นน้ำตาใสคลอเปี่ยมอยู่ในดวงตาทั้งสองข้าง ก็สะท้อนใจเกิดความสงสารเจ้าอยู่ น่ารักนักเจ้าพิมของพี่เอย ยิ้มให้พี่สักหน่อยเถิดอย่าทำหน้าอย่างนั้น พี่จะเชื่อเจ้ามาตรว่าจะรักเจ้าเพียงไหน ฟังดูใจของพี่ซีทุกลมหายใจเข้าออกมันจะเต้นบอกว่ารักเจ้าอยู่มิสร่าง พี่จะหอบความเสน่หาอาลัยรักเจ้ากลับไปวัดเพราะถ้าขืนอยู่พี่ก็คงจะไม่สามารถอดกลั้นไว้ได้

เจ้าเณรแก้วเฝ้าจูบเฝ้าลูบชมมิอาจจะจากไปง่าย ๆ ครั้นแล้วก็หยิบสองมือน้อยของพิมมาแนบไว้กับอกพลางว่า เจ้าก็รู้อยู่แล้วว่าใจของพี่เต้นแรงสักแค่ไหน คืนนี้แม่จงคอยพี่จะไปหาเจ้าที่บ้าน พูดพลางก็จูบประคองแนบเนื้อแนบนมอยู่ร่ำไร มือไม้ไขว่คว้าลูบหน้าหลังมิอาจจะสะกดความคลั่งรักอยู่ได้

ฝ่ายพวกนางทาสีมีอีเต่าหับอีพลับอีปลี พอตะวันบ่ายรำไรก็กระเดียดกระบุงฝ้ายเดินร้องเพลงปรบไก่ตรงมา สายทองระวังอยู่ต้นทางเห็นบรรดาพวกบ่าวกลับมาดังนั้น ก็แกล้งร้องให้เป็นสัญญาว่าเหวย ๆ อย่าช้าเวลาจะเย็นแล้ว พิมได้ยินเสียงก็รู้การณ์จึงว่าแก่เจ้าเณรแก้วว่า ไปเถิดขืนชักช้าพวกอีทาสมันมาเห็นแล้วก็เท่ากับฆ่าน้องเสียทั้งเป็นเท่านั้น

เจ้าพลายไม่วายที่จะกอดประทับนางไว้กับอก เสียดายไม่ใคร่จะวางนางลงได้ ครั้นเสียงบ่าวไพร่กระชั้นมารอช้าอยู่เห็นทีไม่ควรก็ลุกขึ้นเลาะลัดแอบต้นไม้แล้วกลับไป เจ้าพิมก็ลุกขึ้นพอดีสายทองและพวกบ่าวมาถึงทั้งหมดก็มุ่งหน้ากลับบ้าน สายทองกระซิบน้องสะกิดเบา ๆ แล้วว่าเป็นไรวันนี้หลังไหล่ล้วนแต่เปื้อนดิน นางพิมยิ้มแล้วค้อนให้พี่เลี้ยงแล้วว่า ส่งเสียงให้อีพวกนี้ได้ยินเข้าเถอะรู้ไปถึงหูแม่เมื่อไรหลังคงจะได้ลายกันไปหมด เมื่อวานเห็นวุ่นวายนัก คราวนี้ละก็งามหน้าแล้ว สายทองไม่ว่ากระไร เป็นแต่ยิ้มยั่วให้พิมค้อนจนตาเขียว พอถึงบ้านอาบน้ำอาบท่าเสร็จแล้วพอดีย่ำค่ำสุริยา สายทองชวนน้องเข้าห้องนอนแล้วกระซิบที่หูเบา ๆ ว่าเมื่อกลางวันเป็นอย่างไรบอกพี่มาอย่าปิดบังนะ

เจ้าพิมค้อนให้แล้วพลิกตะแคงข้างแล้ว มิหนำซ้ำหยิกข่วนสายทองให้เป็นพัลวันพลางว่า เพราะพี่เชียวแนะนำให้ทำอย่างนั้น พอมาถึงก็ไม่ว่าอะไรกระโจนเข้ากอดปล้ำให้ยุ่งไปหมด ทำอย่างนี้พี่สายทองจะแกล้งให้น้องได้อายใช่ไหมล่ะ น้องอยากจะร้องตะโกนให้ไร่ทะลายทีเดียว ทำได้ทำเอาสองยกสามยกจนพลิกคว่ำพลิกหงายผ้าผ่อนฉวยฉุดยุดสไบ ฮึ ถ้าตัวตายเสียดีกว่าอยู่ ความจริงแล้วเนื้อแท้เขาจะปล้ำทำเล่น น้องแค้นใจนักอยากจะเอามีดฟันตัวเองเสียให้ตายให้รู้แล้วรู้รอดไปอยู่ก็รังแต่จะถูกเขาข่มเหงรังแก คิดนิดเดียวว่าพี่อุตส่าห์เลี้ยงดูมา หาไม่แล้วจะนำความไปบอกแม่ให้รู้กันทั่ว คราวนี้แหละพี่สายทองจะทำอีท่าไหน

บุญของข้ายังตามส่ง พอเอะอะวุ่นวายไม่เข้าทีก็พอดีพี่สายทองมา ถ้าขืนช้ากว่านี้เลยหนึ่งจะถึงสองให้หมองคล้ำ ซ้ำยังทำเป็นพูดว่าคืนนี้จะมาหา พลางเจ้าพิมก็ปิดประตูผางขัดลิ่มหน้าต่างพร้อมกับถือมีดมาทำจังก้าแล้วว่า น้องแค้นใจนักเลือดตาแทบทะลักออกมา วันนี้ถ้ามาแล้วพิมไม่แทงจริงก็จงเรียกว่าอีพิมถ่อย พี่สายทองไปเสียจากห้องน้องเถิด วันนี้จะคอยดูเจ้าแก้วคืนยันรุ่งไม่ยอมหลับยอมนอนทีเดียว

เจ้าสายทองปลอบประโลมว่า พิมเอ๋ยจะโกรธขึ้งไปถึงไหนกัน มองดูให้แน่นอนก่อน อันความรักความเสน่หานั้นก็ย่อมรุ่มร้อนรึงใจอย่างนี้แหละ เจ้าพลายแก้วหรือก็ยังรุ่นหนุ่มกำดัดนัก ซ้ำยังไม่เคยพบรักเหมือนคนเดินทางพบน้ำ จะรีรอมิให้วักดื่มกินนั้นจะทนที่ไหนได้ ย่อมจะตะกรุมตะกรามลงไปอาบเสียซ้ำ แลอันความอายของผู้ชายนั้นน้อย พิมน้องจงฟังพี่ให้ดี อันธรรมดาหญิงมาดว่าจะกำหนัดในโลกีย์สักเพียงไหนก็ยังจะมีมารยาททำขึงขังอยู่ เจ้าอย่าด่วนตีโพยตีพายไปว่าหยาบช้า

อันสัญญาที่เจ้าแก้วให้ไว้เล่า ก็ดูมั่นคงเป็นหลักฐานอยู่พิเคราะห์ดูให้ดี เจ้าพลายแก้วเป็นชายบริสุทธิ์ แม่เล่าก็ผุดผ่องเป็นพรหมจารีมิได้มีราคีใดมาแผ้วพาน เพียงมาประสบพบพลายแก้วแล้วจะมาหักหาญชอบดีอยู่แล้วหรือ ๆ ว่ายังจะมีปรารถนาใจตนเองให้ต้องชายอื่นเป็นมือสอง จริงอยู่มาตรว่าจะได้ชายอื่นมาเป็นเครื่องขืนอารมณ์ ถ้าพบเก่าแล้วจะเอาหน้าไปไว้ไหน ถ้าลงชั่วความชั่วก็จะติดตัวไปมิสร่างซา เรื่องวิตกทุกข์ร้อนจงหยุดไว้เสียก่อนเถิด ขืนอดนอนพรุ่งนี้จะตื่นสายพอดีพอร้ายแม่รู้เข้าก็จะวุ่นวาย น้ำหน้าอย่างเจ้าพลายหรือที่ไหนจะแอบมาหาได้ นอนเสียเถิดพี่จะไปนอนบ้างแล้ว

เมื่อสายทองไปแล้วพิมน้อยก็เอนกายลงบนที่นอน มีดที่ถีออยู่ในมือหลุดตกลงไปที่พื้น ก่ายพักตร์คิดแล้วก็ยิ่งตรอมใจ โอ้พ่อแก้วแววตาของพิม นี่พ่อมิลืมพิมเสียแล้วหรือ ๆ ว่าขุ่นเคืองขัดข้องในตัวน้องด้วยเหตุอันใดจึงทิ้งน้องให้ว้าเหว่อยู่เดียวดายดังนี้ ถ้าไม่รักน้องก็อย่ารักเสียแต่แรก จะมาทำให้หมองแล้วเมินอย่างนี้จะเรียกว่ารักน้องกระไรได้ น้องยังจดจำถ้อยคำที่ให้สัญญาว่าจะมาหาพิม ก็นี่ยามหนึ่งแล้วไยพ่อไม่มา ยิ่งคิดก็ยิ่งสะท้อนใจนัก พอดวงจันทร์ลับยอดไม้ก็พอดีหลับไป